IELTS คืออะไร ทำความรู้จักและเตรียมตัวให้พร้อมก่อนสอบ IELTS
การสอบภาษาอังกฤษเพื่อวัดระดับนั้น บางคนอาจเคยได้ยิน TOEIC หรือ TOEFL กันมาบ้างแล้ว แต่สำหรับผู้ที่ต้องการไปศึกษาต่อต่างประเทศ ผู้ที่ต้องการไปเรียนภาคอินเตอร์ หรือผู้ที่ต้องการไปอาศัยอยู่ต่างประเทศนั้นจะต้องรู้จักแบบทดสอบวัดระดับภาษาอังกฤษอย่าง IELTS ซึ่ง IELTS คืออะไร สามารถนำคะแนน IELTS ไปทำอะไรได้บ้าง ระดับคะแนนสอบเป็นอย่างไร ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้างในการสอบ IELTS สอบทักษะอะไรบ้าง การสอบ IETLS มีแบบใดบ้าง และค่าสอบนั้นเท่าไหร่ ในบทความนี้มีคำตอบ
IELTS คืออะไร
IELTS ย่อมาจาก International English Language Testing System ซึ่ง IELTS คือข้อสอบวัดความสามารถทางภาษาอังกฤษที่ใช้ประเมินความสามารถทางภาษาอังกฤษของผู้สอบที่ต้องการไปเรียนต่อต่างประเทศ ทำงานในประเทศและต่างประเทศโดยใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักในการสื่อสาร หรือ การย้ายถิ่นฐาน ซึ่งการสอบ IELTS ออกแบบมาเพื่อประเมินทักษะด้านต่าง ๆ ของผู้ที่ต้องการใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักในการทำงาน หรือ สื่อสาร ซึ่ง IELTS คือการสอบวัดระดับภาษาอังกฤษที่เป็นที่ยอมรับจากองค์กรมากกว่า 11,000 แห่งทั่วโลกจากองค์กรภาครัฐและเอกชนว่า IELTS นั้นเป็นการทดสอบวัดระดับความสามารถทางภาษาที่น่าเชื่อถือ ตรงตามมาตรฐานสากล เนื่องจาก IELTS คือการสอบวัดครอบคลุมทักษะทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ การฟัง การอ่าน การเขียน และการพูด ทำให้มีคะแนนที่มาจากการสอบวัดระดับนั้นมีความน่าเชื่อถือ ทำให้เป็นที่ยอมรับจากหลากหลายประเทศด้วยกัน
ทำไมจึงควรสอบ IELTS
จากการที่รู้ถึงที่มาว่า IELTS คืออะไรแล้วนั้น หากใครที่กำลังหาแนวทาง หรือ สนใจที่จะต้องการศึกษาต่อต่างประเทศ เห็นช่องทางในการไปทำงานที่ต่างประเทศ หรือ ต้องการย้ายถิ่นฐาน ต้องการใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลักและต้องการคะแนน IELTS ในระดับที่ผ่านเกณฑ์ของที่นั้นๆ ไม่ว่าจะเป็น ประเทศอังกฤษ ออสเตรเลีย เนเธอร์แลนด์ และสหรัฐอเมริกา เพื่อนำผลสอบเป็นใบรับรองและหลักฐาน นอกจากนั้นผลสอบ IELTS ยังสามารถนำไปยื่นเข้าเรียนมหาลัยทั้งภาคไทย และ ภาคอินเตอร์ได้ในระดับปริญญาตรีขึ้นไปได้ หรือ ผู้ที่สนใจวัดระดับความสามารถทางภาษาอังกฤษของตนเองนั้น การสอบ IELTS นั้นตอบโจทย์เช่นเดียวกัน
ด้วยการสอบวัดระดับทักษะทั้ง 4 ด้านของ IELTS คือการสอบทั้ง การฟัง (Listening) การอ่าน (Reading) การเขียน (Writing) และ การพูด (Speaking) ดังนั้นสำหรับหลาย ๆ คนในการสอบวัดระดับเพื่อทำให้คะแนนออกมาดีโดยไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นประจำนั้นต้องใช้ความพยายามและการฝึกฝน จึงเกิดการเรียนภาษาอังกฤษสำหรับการสอบ IELTS โดยเฉพาะ เพื่อเจาะลึกถึงเนื้อหาที่ต้องเรียนรู้ให้ถูกจุด ฝึกการสอบพูด การคิดคำพูดที่ใช้ตอบในคำถาม การฟัง ดังนั้นการเรียน IELTS จึงเป็นสิ่งที่คนต้องการสอบ IELTS นั้นสนใจเป็นอย่างมาก
ดูรายละเอียดคอร์สเรียน IELTS พร้อมรับแบบทดสอบภาษาฟรี! เพียงลงทะเบียน
ประเภทของการสอบ IELTS
การสอบวัดระดับความสามารถทางภาษาอังกฤษนั้น จะมีประเภทการสอบที่แตกต่างกันไปตามการที่นำผลสอบไปใช้งาน โดยประเภทการสอบของ IELTS คืออะไรบ้าง สามารถแบ่งประเภทได้คร่าว ๆ ดังนี้
1. IELTS Academic
การสอบ IELTS Academic นั้นเป็นการทดสอบทักษะความสามารถทางภาษาอังกฤษ เพื่อการยื่นประกอบการเข้าศึกษาในปริญญาตรีขึ้นไปทั้งภาคไทย และ ภาคอินเตอร์ โดยสามารถยื่นมหาวิทยาลัยชั้นนำหลายแห่งในประเทศไทย เช่น มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นต้น และยังสามารถนำไปยื่นเพื่อศึกษายังต่างประเทศที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารหรือการเรียนได้ โดยสำหรับการสอบประเภท Academic ของ IELTS คือการสอบทักษะทั้ง 4 ด้าน โดย การพูด การอ่าน การฟัง และ การเขียน
2. IELTS General Training
สำหรับการสอบประเภท General Training ของ IELTS คือการสอบที่มีการทดสอบทั้ง 4 ทักษะ เช่นเดียวกับการสอบประเภท IELTS Academic แต่มีความแตกต่างกันในส่วนของพาร์ท Reading และ Writing ที่ IELTS ประเภท General Training นั้นจะเป็นพื้นฐานมีความซับซ้อนน้อยกว่า IELTS ประเภทการสอบแบบ Academic เหมาะสำหรับผู้ที่ใช้เพื่อศึกษาต่อในระดับมัธยมศึกษา หรือ ผู้ที่ต้องการย้ายถิ่นฐาน
3. IELTS Regular
การสอบแบบ Regular สำหรับ IELTS คือ การสอบ IELTS ทั้งแบบ Academic และ General Training แบบทั่วไป ซึ่งสามารถใช้หลายประเทศทั่วโลก เช่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และ ประเทศอื่น ๆ ในยุโรป
4. IELTS UKVI
การสอบวัดภาษาอังกฤษทั้ง Academic และ General Training แบบ UKVI ของ IELTS คือการสอบวัดผลความสามารถทางภาษาอังกฤษที่รัฐบาลของสหราชอาณาจักรให้การยอมรับโดยจุดประสงค์ของการสอบแบบ UKVI นั้นเพื่อใช้ยื่นสมัครวีซ่าของสหราชอาณาจักร (UK) และการตรวจคนเข้าเมือง อีกทั้ง IELTS UKVI สามารถใช้เพื่อยื่นสมัคร Pre-sessional Course ของมหาวิทยาลัยในประเทศอังกฤษได้ และยังสามารถใช้เป็นผลการสอบทั่วไปเพื่อยื่นตามจุดประสงค์ต่างๆเช่นเดียวกับ IELTS Regular ได้
IELTS สอบทักษะอะไรบ้าง
อย่างที่กลาวไปว่าการสอบวัดระดับความสามารถทางภาษาอังกฤษของ IELTS คือ การวัดทักษะด้วยกันทั้งหมด 4 ด้านนั่นคือ การฟัง(Listening) การอ่าน(Reading) การเขียน(Writing) และ การพูด(Speaking) โดยการสอบแต่ละด้านนั้นมีรายละเอียดดังนี้
การฟัง (Listening) เวลา 30 นาที + 10 นาทีเพื่อเขียนและตรวจคำตอบ
สำหรับพาร์ทการฟังสำหรับ IELTS คือจะประกอบด้วยโจทย์คำถามทั้งหมด 40 ข้อ ในการทำ ในเรื่องเนื้อหานั้นประกอบไปด้วยการฟังการสนทนา และ บทพูด ซึ่งผู้เข้าสอบนั้นต้องฟังเนื้อเรื่องและ จะฟังได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น โดยเมื่อฟังเสร็จแล้วนั้นจะมีเวลาให้อ่านคำถามและเขียนคำตอบ และในช่วงท้ายของพาร์ทนั้นจะมีเวลาให้เขียนและตรวจสอบความถูกต้องของคำตอบที่ใส่ใน Answer Sheet 10 นาที
การอ่าน (Reading) เวลา 60 นาที
แบบทดสอบการอ่านของ IELTS คือพาร์ทที่เป็นการอ่านบทความที่มีความยาวทั้งหมด 3 บทความ โดยในแต่ละบทความที่เราได้อ่านนั้นจะมีคำถาม 13-14 ข้อ โดย IELTS Reading จะมีด้วยกันทั้งหมด 40 ข้อ ด้วยจากการที่พาร์ท Reading นั้นมีเวลา 60 นาที ดังนั้นเราจะมีเวลาทำข้อสอบโดยข้อละประมาณ 1.5 นาทีด้วยกัน โดยบทความนั้นจะเป็นบทความวิชาการที่มาจากหนังสือ นิตยสาร หรือ หนังสือพิมพ์ ที่มีเนื้อหาที่ทุกคนสามารถอ่านได้ โดยรูปแบบคำถามนั้นจะมีความแตกต่างกันออกไปเช่น Sentence Compleion, Matching Information, True/False/Not Given, Yes/No/Not Given เป็นต้น
การเขียน (Writing) เวลา 60 นาที
ในส่วนของพาร์ทการเขียนใน IELTS คือข้อสอบจะมีด้วยกันหลัก ๆ 2 ส่วนโดย
– ส่วนที่ 1 นั้นจะเป็นการบรรยายหรืออธิบายเกี่ยวกับสิ่งที่โจทย์มอบให้อย่าง ตาราง แผนภูมิ แผนผัง หรือ กราฟ โดยต้องเขียนบรรยาโดยมีจำนวนคำอย่างน้อย 150 คำ
– ส่วนที่ 2 จะเป็นการเขียนเรียงความจากหัวข้อโจทย์ที่กำหนดให้โดยมีจำนวนคำอย่างน้อย 250 คำ
การพูด (Speaking) เวลา 11 ถึง 14 นาที
การสอบพูดของ IELTS คือการสอบสัมภาษณ์แบบตัวต่อตัวกับผู้คุมสอบโดยจะแบ่งเป็นพาร์ทย่อยๆ ได้ดังนี้
Speaking Part 1
เป็นการพูดคุยกับผู้คุมสอบถึงชีวิตประจำวัน และ สิ่งที่เกี่ยวข้องกับตัวผู้สอบเอง โดยจะใช้เวลาทั้งหมด 4-5 ในการพูด
Speaking Part 2
พาร์ทนี้ผู้สอบจะได้กระดษาที่แสดงหัวข้อที่ต้องพูดจากผู้สัมภาษณ์ที่คุมสอบ โดยกระดาษจะแสดงถึงตัวอย่างคำถาม เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพูดตามหัวข้อที่เราได้รับ พาร์นี้จะใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 3 นาที โดยแบ่งเป็น 2 ช่วง ช่วงแรก 1 นาทีจะเป็นการเตรียมตัว ช่วงที่ 2 ทั้งหมด 2 นาที จะเป็นการพูดโดยจะต้องพูดให้ได้ครบ 2 นาทีเพื่อไม่โดนตัดคะแนน
Speaking Part 3
พาร์ทนี้จะใช้เวลาทั้งหมด 4-5นาที ซึ่งพาร์ทนี้ค่อนข้างเกี่ยวเนื่องกับพาร์ทที่ 2 แต่จะแตกต่างกันออกไปตรงที่ผู้คุมสอบนั้นจาก 2 พาร์ทแรกจะถามถึงตัวเราและสิ่งที่เกี่ยวกับตัวเรา แต่พาร์ทนี้จะถามและพูดถึงบุคคลอื่น สิ่งอื่น หรือ General aspect เป็นต้น
ระดับคะแนนสอบ IELTS
ระดับคะแนนของ IELTS คือตัวชี้วัดความสามารถทางภาษาอังกฤษที่ผู้สอบทำได้ โดยคะแนนจะแบ่งเป็น 9 ระดับ โดยมีช่วงตั้งแต่ระดับ 1 ถึง 9 โดยคะแนนจะมาจากส่วนแต่ละส่วนของการสอบ ซึ่งพาร์ทของการฟังและการอ่านของการสอบ IELTS นั้นจะมีวิธีให้คะแนนโดย จากแต่ละพาร์ทมีคำถาม 40 ข้อ คะแนนรวมเต็ม 40 คะแนนจะถูกแปลงเป็นระดับ 9 ของ IELTS และนำไปคำนวณร่วมกับพาร์ทอื่น ๆ
สำหรับการให้คะแนนของการสอบพูด IELTS จะได้รับการประเมินคะแนนจากผู้คุมสอบที่ได้ทำการสัมภาษณ์ โดยใช้เกณฑ์การประเมินทั้งหมดสี่เกณฑ์ ได้แก่ สำเนียงการออกเสียง(Pronunciation), ความหลากหลายของไวยกรณ์ที่ใช้และความถูกต้องในการใช้(Grammatical Range and Accuracy), ความคล่องแคล่วและความต่อเนื่อง(Fluency and Coherence)
โดยการสอบการเขียน IELTS จะมีการประเมินโดยผู้คุมสอบให้คะแนนสำหรับเกณฑ์แต่ละอย่างทั้งหมดสี่เกณฑ์ โดยให้ระดับคะแนนสำหรับข้อสอบการเขียนส่วนที่ 1 และส่วนที่ 2
ในระดับคะแนนที่มีระดับตั้งแต่ 1 ถึง 9 นั้นจะสามารถอธิบายถึงทักษะความสามารถทางภาษาอังกฤษได้ดังนี้
คะแนน | ระดับ | ผลการประเมินความสามารถทางภาษาอังกฤษ |
---|---|---|
0 คะแนน | ไม่ได้ทำข้อสอบ | ประเมินข้อมูลไม่ได้ |
1 คะแนน | ไม่ใช่ผู้ใช้ภาษาอังกฤษ | พื้นฐานไม่สามารถใช้ภาษาอังกฤษได้ นอกจากใช้คำเพียง 2-3 คำ |
2 คะแนน | ผู้ใช้ไม่ต่อเนื่อง | เข้าใจพื้นฐานภาษาลำบาก สื่อสารได้เฉพาะข้อมูลพื้นฐานเท่านั้น |
3 คะแนน | ผู้ใช้ภาษาแบบจำกัด | ถ่ายทอดและเข้าใจความหมายเฉพาะสถานการณ์ที่คุ้นเคยเท่านั้น |
4 คะแนน | ผู้ใช้ภาษาพื้นฐาน | สื่อสารได้ในส่งที่คุ้นเคยเท่านั้น ไม่สามารถใช้ภาษาที่ซับซ้อนได้ |
5 คะแนน | ผู้ใช้ภาษาได้พอประมาณ | มีความสามารถในการสื่อสารบางส่วน มีความผิดพลาดในการสื่อสาร แต่สามารถสื่อสารในระดับพื้นฐานได้ |
6 คะแนน | ผู้ใช้ภาษาที่มีความสามารถ | สามารถใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารได้ มีความผิดพลาดเล็กน้อย และอาจมีความเข้าใจผิด สามารถใช้ภาษาที่มีความซับซ้อนในสถานการณ์ที่คุ้นเคย |
7 คะแนน | ผู้ใช้ภาษาที่ดี | มีความสามารถในการนำภาษาอังกฤษไปใช้สื่อสารได้จริง ไม่ถูกต้องเป็นครั้งคราว รับมือภาษาที่มีความซับซ้อนได้โดยทั่วไป |
8 คะแนน | ผู้ใช้ภาษาที่ดีมาก | มีความรู้และความสามารถที่นำไปใช้ได้จริงอย่างเต็มที่ ไม่แม่นยำและไม่เหมาะสมเพียงครั้งคราวเท่านั้น จัดการ การโต้แย้งอย่างละเอียดที่มีความซับซ้อนได้ |
9 คะแนน | ผู้ใช้ภาษาแบบเชี่ยวชาญ | มีความสามารถและความรู้ด้านภาษาอังกฤษที่นำไปใช้ได้จริง เหมาะสม ถูกต้อง และ คล่องแคล่ว เข้าใจบทสนทนาอย่างสมบูรณ์ |
สอบ IELTS มีแบบไหนบ้าง
สำหรับการสอบ IELTS คือต้องสอบภายในสถานที่ที่ตัวแทนที่ได้รับการรับรองจัดไว้เท่านั้น หากใครสงสัยว่าสามารถเดินทางไปสอบได้ที่ไหนบ้าง หรือสอบ IELTS ที่ไหนดี โดยในประเทศไทยมีตัวแทนศูนย์สอบ IELTS อยู่ด้วยกันทั้งหมด 2 ที่
- ศูนย์สอบ IELTS IDP Thailand เป็นตัวแทนการจัดสอบจากประเทศออสเตรเลีย โดยผู้สมัครสอบสามารถยื่นใบสมัครสอบได้ทั่วกรุงเทพฯ และในส่วนของภูมิภาค และสามารถสมัครสอบ IELTS online ผ่านทางเว็บไซต์หรือ ตัวแทนศูนย์สมัครสอบ IELTS ได้เช่นกัน โดยจังหวัดที่มีศูนย์สอบ IDP ได้แก่ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ขอนแก่น หาดใหญ่ และ โคราช
- ศูนย์สอบ IELTS British Council ตัวแทนการจัดสอบจากสหราชอาณาจักร โดยสามารถยื่นสมัครสอบได้ทั่วกรุงเทพฯเช่นเดียวกัน ซึ่งศูนย์สอบ IELTS British Council นั้นมีศูนย์อยู่ที่กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ขอนแก่น พิษณุโลก และ ภูเก็ต
การสอบ IELTS คือการสอบที่เราสามารถไปได้ทั้งศูนย์ที่รับรองการสอบ หากเราอาศัยอยู่ภายในจังหวัดที่มีศูนย์สอบสามารถไปยื่นสมัครและสอบที่ศูนย์ในจังหวัดนั้นได้เลย หากใครที่ต้องการคะแนนแบบเร่งด่วนนั้นแนะนำให้สอบในกรุงเทพฯ เนื่องจากต่างจังหวัดนั้นมีรอบการสอบที่น้อยกว่าในกรุงเทพฯ สำหรับใครที่ต้องการใช้คะแนนควรวางแผนการสอบให้ดีเพื่อสอบและได้คะแนนที่จะนำไปใช้ได้ทันเวลาเนื่องจากการสอบแบบ Paper-Based นั้นจะใช้เวลาการรอคะแนนออกประมาณ 13 วัน ส่วน Computer-Based นั้นจะต้องรอผลคะแนนประมาณ 5- 7วัน ดังนั้นควรวางแผนการเดินทางให้ดีและเลือกศูนย์สอบที่มีรอบเวลาสอบที่เหมาะสมเนื่องจากทั้ง IDP และ British Council นั้นมีรอบเวลาสอบที่ต่างกัน
สำหรับการสอบ IELTS นั้นจะแบ่งได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่
1. สอบ IELTS แบบกระดาษ (Paper-based)
สำหรับการสอบแบบกระดาษนั้นอย่างแรกที่ต้องรู้นั้นคือเวลารอผลคะแนนนั้นจะอยู่ที่ 13 วันซึ่งหากใครที่ไม่ได้รีบในการใช้คะแนนและไม่มีปัญหาในการเขียนที่เขียนช้า มั่นใจในลายมือ หรือ ชอบโน๊ตสิ่งต่างๆไว้ในกระดาษนั้นการสอบแบบกระดาษ IELTS คือตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้สอบ ในพาร์ทการฟังนั้นมีเวลาให้เช็กคำตอบถึง 10 นาที สำหรับราคานั้นจะถูกกว่าการสอบแบบ Computer-based โดยมีราคาอยู่ที่ 6,900 บาท และสำหรับต่างจังหวัดนั้นรอบสอบของแบบกระดาษจะมากกว่าแบบคอมพิวเตอร์
2. สอบ IELTS แบบคอมพิวเตอร์ (Computer-based)
การสอบแบบคอมพิวเตอร์นั้นข้อดีอย่างแรกเลยคือหากใครที่ต้องการรีบได้คะแนนเพื่อนำไปใช้ โดยการสอบแบบคอมพิวเตอร์สำหรับ IELTS คือสิ่งที่ผู้สอบควรเลือกนอกจากใช้เวลาเพียง 5 -7 วันจะได้ผลคะแนนเพื่อนำไปใช้ต่อ ราคาสอบนั้นจะอยู่ที่ 6,900 – 7,500 บาทโดยการสอบแบบคอมพิวเตอร์นั้นจะไม่สามารถโน๊ตหรือจดบันทึกสิ่งต่างๆไว้ได้เหมือนกับ Paper-based แต่จะได้รับกระดาษเพิ่มเติมเพื่อทำการจดบันทึกหรือโน๊ตได้ ในส่วนของ Listening จะมีเวลาเขียนคำตอบและตรวจเช็กคำตอบ 2 นาที สำหรับผู้ที่พิมพ์คอมพิวเตอร์ได้เร็ว และไม่มั่นใจกับการเขียนด้วยลายมือนั้น การสอบแบบ Computer-based จะช่วยในตรงจุดนี้ได้
สำหรับศูนย์สอบนั้น โรงเรียนสอนภาษาอังกฤษ Englishparks ก็เป็นศูนย์สอบ IELTS IDP ที่ได้การรับรองแห่งหนึ่งเช่นกัน หากใครสนใจในการสอบ IELTS และต้องการหาคอร์สเรียน IELTS ด้วยนั้น การเรียนที่โรงเรียนสอนภาษาอังกฤษ Englishparks เพื่อสอบ IELTS คือตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่สนใจ
ค่าสอบ IELTS
ค่าสอบสำหรับ IELTS คือค่าธรรมเนียมสอบสำหรับศูนย์สอบโดยราคานั้นจะมีการเปลี่ยนแปลงทุกปี ผู้สอบควรตรวจสอบราคาในการสมัครสอบทุกครั้งก่อนสมัครสอบ โดยมีราคาดังนี้
- การสอบ IELTS on Computer-Based ราคา 7,100 บาท สำหรับ IDP นั้นราคาอยู่ที่ 7,500 บาท
- การสอบ IELTS Regular ราคา 7,100 บาท
- การสอบ IELTS for UKVI ราคา 7,710 บาท
- การสอบ IELTS Life Skills ราคา 5,800 บาท
โดยราคานั้นสามารถปรับเปลี่ยนขึ้นลงทุกปี หากใครสนใจไม่ว่าจะเป็นคอร์สเรียน การสมัครสอบ หรือ สอบถามราคาสอบแบบต่าง ๆ สามารถสอบถามกับ English parks เพิ่มเติมได้
คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับ IELTS คืออะไร
สอบ IELTS ยากไหม
การสอบวัดระดับภาษาอังกฤษสำหรับ IELTS คือการวัดทักษะในการใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารเป็นหลัก หากผู้สอบใช้ภาษาอังกฤษบ่อย หรือ มีการฝึกฝนทั้งสี่ทักษะอยู่แล้วนั้น การสอบ IELTS ไม่ใช่เรื่องยาก
คะแนนสอบ IELTS มีอายุกี่ปี
ผลคะแนนสอบ IELTS นั้นมีอายุทั้งหมด 2 ปี หากเกิน 2 ปีไปไม่สามารถนำไปยื่นใช้ได้
สอบ IELTS ควรได้คะแนนขั้นต่ำเท่าไหร่
ในเรื่องคะแนนนั้นหากผู้ที่มาสอบนั้น สอบเพื่อนำไปยื่นเพื่อศึกษาต่อมหาลัยควรทำคะแนนให้ได้ตามเกณฑ์ที่กำหนด สำหรับการย้ายถิ่นฐานหรือการขอวีซ่านั้นควรได้ระดับคะแนนขั้นต่ำ 6.5 ขึ้นไป
สรุป IELTS คืออะไร จำเป็นหรือไม่
การสอบ IELTS คือการสอบวัดระดับความสามารถทางภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารเป็นหลัก สามารถใช้นำไปยื่นเป็นใบรับรองทักษะการใช้ภาษาอังกฤษไม่ว่าจะเป็นการเรียนต่อมหาวิทยาลัย การขอวีซ่า หรือ การย้ายถิ่นฐานมีการสอบทั้งแบบ Paper-based และ Computer-based โดยสามารถไปสอบได้ที่ศูนย์สอบที่ได้รับการรับรอง โดยหากใครสนใจในการหาคอร์สเรียนภาษาอังกฤษ และต้องการสอบ IELTS นั้นสามารถสอบถามเราเพิ่มเติมได้เลย