เจนชอบเทคนิคที่อาจารย์บิวสอนมากๆ ซึ่งมีประโยชน์และนำไปใช้ได้จริง เจนเคยพลาดบ่อยๆ เพราะโดนโจทย์หลอกจนงงไปหมด แต่ถ้าหา Keyword เจอ เราจะไม่โดนหลอกอีกต่อไปค่ะ
“น้องเจน ธันยพร เอี่ยมทอง” นักเรียนคอร์ส IELTS ของเรา ให้สัมภาษณ์ด้วยความภาคภูมิใจกับผลคะแนนสอบครั้งล่าสุด ที่สามารถทำคะแนนได้ถึง 7.5 ค่ะ น้องเจนบอกว่า นี่เป็นสิ่งที่เกินความคาดหมายมากๆ และไม่น่าเชื่อว่าการเรียน IELTS ที่นี่ เพียงแค่ 3 เดือน จะทำให้เธอได้เทคนิคดีๆในการทำข้อสอบมากมายขนาดนี้ แต่กว่าน้องเจนจะประสบความสำเร็จอย่างที่เห็น เธอต้องลงสนามสอบอยู่หลายครั้งทีเดียวค่ะ
.
Q: น้องเจนนับว่ามีประสบการณ์ในการ สอบ IELTS มาพอสมควร สรุปสอบมาทั้งหมดกี่ครั้งแล้วค่ะ
A: 3 ครั้งค่ะ ครั้งแรกไปสอบหลัง เรียนที่ English Parks ไปได้เดือนนึง แต่คะแนนออกมาไม่ถึงเกณฑ์ที่อยากได้ ส่วนครั้งที่ 2 และ 3 ไปสอบหลังเรียนจบคอร์สแล้ว ซึ่งสอบห่างกันแค่อาทิตย์เดียวเอง เพราะเจนเผื่อไว้กรณีที่คะแนนครั้งที่ 2 ไม่ดี จะได้มีคะแนนสำรอง ผลสรุป คือ ครั้งที่ 2 ได้คะแนน Overall 6.5 และครั้งล่าสุดนี้ได้ 7.5 (Listening 8.5, Reading 8.0, Speaking 6.0 และ Writing 6.5) ซึ่งคะแนนดีขึ้นทุกครั้งที่สอบเลยค่ะ
.
Q: ทำไมถึงสมัครสอบในช่วงเวลาใกล้ๆ กันขนาดนี้ค่ะ
A: เจนอยากรีบไปเรียนต่อ ปริญญาโท สาขา Finance และต้องยื่นคะแนนอย่างช้าที่สุด คือ ต้นปีหน้า ส่วนมหาวิทยาลัยที่เลือกไว้ล้วนเป็น Top University ในสาขานี้ทั้งนั้น ซึ่งใช้คะแนนสูงพอสมควร ไม่ว่าจะเป็น Warwick, Edinburgh หรือ Cass ตอนนี้เจนยื่นคะแนนได้ทุกที่ ยกเว้นที่ Imperial เท่านั้น ซึ่งทางมหาวิทยาลัยกำหนดคะแนนนขั้นต่ำทุกพาร์ทอยู่ที่ 6.5 แต่เจนได้ Speaking 6.0 เลยคิดว่าถ้าจะยื่นคะแนนที่นี่ด้วย อาจต้องสอบใหม่เร็วๆ นี้ค่ะ
.
Q: คะแนนดีขึ้นทุกครั้งที่สอบเลย คิดว่าเป็นเพราะอะไรค่ะ
A: ครั้งแรกที่คะแนนไม่ผ่านเกณฑ์ เพราะเจน ใจร้อนอยากได้คะแนน IELTS เร็วๆ เลยรีบไปสอบทั้งที่ยังไม่พร้อม แต่พอครั้งที่ 2 เรามีเวลาเตรียมตัวนานกว่า และได้ฝึกทำข้อสอบที่อิงลิชพาร์คเยอะกว่าด้วย เพราะฉะนั้นคะแนนเลยดีขึ้น ความจริงสอบครั้งที่ 2 นี่มั่นใจมากเลยว่าคะแนนผ่านแน่นอน พออาทิตย์ถัดมาสอบครั้งที่ 3 เจนไม่อ่านหนังสือเลยนะคะ กลายเป็นว่าพอไม่เครียดไม่กดดัน กลับทำคะแนนได้ดีที่สุด
.
Q: สมัยเรียน ป.ตรี ที่คณะวิศวกรรมศาสตร์ ภาคอินเตอร์ ที่จุฬาฯ ภาษาอังกฤษของน้องเจนอยู่ในระดับไหนคะ?
A: เจนไม่เคยเรียนอินเตอร์มาก่อน ฉะนั้นช่วงแรกที่เข้าเรียนจึงยากมากค่ะ ทั้งที่สมัยมัธยมฯ เรียนภาษาอังกฤษได้เกรด 4 แต่พอมาเรียนที่จุฬาฯ โอ้โห รู้เลยว่าพื้นฐานเราแย่มากเมื่อเทียบกับเพื่อนๆ เพราะส่วนใหญ่เพื่อนเจนจบมาจากโรงเรียนนานาชาติ หรือไม่ก็เคยไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ต่างประเทศ เรียกว่าภาษาเป๊ะเว่อร์แทบทุกคน เจนใช้เวลาปรับตัวพอสมควรค่ะ ซึ่งทักษะที่เจนทำได้ดีที่สุด คือ Reading เพราะอ่าน Text เยอะมาก ส่วน Speaking นี่อ่อนที่สุดเลย เพราะมีโอกาสได้พูดแค่ตอนพรีเซนต์งานหน้าชั้นเรียนอย่างเดียว
.
Q: ทำไมถึงมาเรียน คอร์ส IELTS ที่ English Parks เพราะสมัยที่เรียนจุฬาฯ เจนยังสามารถปรับตัว และเรียนภาคอินเตอร์ได้โดยไม่ต้องเรียนเสริมที่ไหนเลย
A: สมัยเรียน ป.ตรี เรียกว่าเจนเอาตัวรอดเก่งค่ะ เลยไม่ได้ไปเรียนเสริมที่ไหน555 แต่เหตุผลหลักที่มา เรียนที่ English Parks เพราะก่อนหน้านี้ เจนไม่รู้เลยค่ะว่า IELTS คืออะไร เดิมทีตั้งใจว่าจะไปเรียนต่อภายในปีนี้ ทำให้มีเวลาเตรียมตัวน้อยมาก คิดว่าถ้าอ่านหนังสือเองคงไม่น่ารอด แล้วเพื่อนก็แนะนำให้มาเรียนที่นี่ค่ะ ขนาดเพื่อนเจนเก่งภาษาอังกฤษมากนะคะ แต่เขายังมาเรียนเลย เพื่อนบอกว่าที่นี่สอนดี ซึ่งเจนก็เชื่อเพื่อนค่ะ555
.
Q: น้องเจนได้เทคนิคอะไรบ้างจากการมาเรียนคอร์ส IELTS ที่อิงลิชพาร์ค
A: สำหรับพาร์ท Reading ปกติเจนจะเป็นคนที่อ่านคำถามให้ครบก่อนทั้งหมด แต่ความจริงการทำข้อสอบ IELTS เราไม่ต้องอ่านคำถามครบทั้งหมดทีเดียวก็ได้ ให้แบ่งอ่านที่ละส่วน แล้วกลับไปอ่าน Passage ไล่ตามคำถามไป ซึ่งเป็นเทคนิคที่ช่วยให้ทำข้อสอบเร็วขึ้น
ส่วน Listening ยอมรับว่า ฟังในคลาสไม่รู้เรื่องเลยนะ แต่พอทำ Mock-Up Test รวมถึงตอนไปสอบจริงกลับได้คะแนนดีเกินคาด เจนชอบเทคนิคที่อาจารย์บิวสอนมากๆ ซึ่งมีประโยชน์และนำไปใช้ได้จริง เจนเคยพลาดบ่อยๆ เพราะโดนโจทย์หลอกจนงงไปหมด แต่ถ้าหา Keyword เจอ เราจะไม่โดนหลอกอีกต่อไปค่ะ555
.
Q: แล้วเรื่อง Speaking ที่น้องเจนบอกว่าไม่ถนัดที่สุด พอมาเรียนแล้วเป็นอย่างไรบ้างคะ
A: เจนคิดว่า Speaking ไม่ยากถึงขั้นต้องใช้ภาษาระดับที่เป็น Academic English ขนาดนั้น แต่ว่าเราต้องพูดให้เหมือนที่ Native Speakers เขาใช้กัน สื่อสารให้ตรงจุด แล้วใช้คำที่เป็น Idioms และ Phrasal Verbs เยอะมาก ซึ่งคนไทยส่วนใหญ่จะรู้แค่ Vocabulary แล้วเอาคำมาเรียงต่อๆ กัน เพราะฉะนั้นเรื่อง Collocation เลยไม่ค่อยมี นอกจากนี้อาจารย์บิวได้ให้เทคนิคในการเรียงลำดับขั้นและตรรกะในการพูด ที่ช่วยให้ได้คะแนนดีขึ้นค่ะ
.
Q: สำหรับ Speaking ตอนนี้ น้องเจนยังมีปัญหาหรือต้องปรับปรุงเรื่องไหนบ้าง
A: ถ้าต้องไปสอบใหม่ แล้วอยากให้คะแนนดีขึ้น เจนรู้เลยว่าต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองขนานใหญ่ เพราะการสอบ IELTS จะเป็นเหมือนการพูดคุยสนทนากัน แต่เจนมีวิธีการพูดที่เป็นแบบฉบับมาก คือ ตอบสั้นๆ ใช้โทนเสียงนิ่งๆ ไม่มีอารมณ์ร่วมไปกับสิ่งที่กำลังพูด ซึ่งต้องใช้เวลาในการปรับพอสมควร
.
Q: ตอนสอบจริง เหมือนหรือต่างจากที่น้องเจนฝึกทำ Mock-Up Test ค่ะ
A: เหมือนเลยค่ะ และการฝึกบ่อยๆ จะช่วยให้คุ้นเคยกับการทำข้อสอบมากขึ้น ประเมินได้ว่าเวลาผ่านไปเท่านี้แล้วเราควรทำถึงข้อไหน เพราะถ้าไม่วางแผน เราจะทำข้อสอบไม่ทัน เจนชอบที่อิงลิชพาร์คมากๆ ที่สามารถเข้ามาทำ Mock-Up Test และส่ง Writing ได้ไม่จำกัด เพราะก็ไม่รู้ว่าจะไปหาข้อสอบที่ไหนมาฝึกทำได้เยอะขนาดนี้ แล้วใครจะเป็นคนตรวจ Writing ให้ ยิ่งเรื่อง Speaking ถ้าเจนไม่เคยฝึกเลย แล้วไปเจอคำถามตอนสอบจริงคงช็อค เพราะไม่รู้แนวทางว่าควรตอบยังไง555
.
Q: น้องเจนคิดว่า การเรียน IELTS กับอาจารย์คนไทย มีข้อดีอย่างไรคะ?
A: ถ้าเรียนกับอาจารย์ฝรั่งคือมีข้อดีตรงที่เขาเป็น Native Speakers เราจะได้เรื่องสำเนียงการออกเสียง แต่อาจารย์คนไทยจะมีความเข้าใจนักเรียนไทยและ comment ได้ตรงจุดมากกว่าอาจารย์ฝรั่งที่เขาอาจไม่ค่อยเข้าใจรูปแบบวิธีการคิดของเรามากนักค่ะ
.
Q: น้องเจนคิดว่า ถ้าพื้นฐานภาษาอังกฤษเราอ่อนมาก การเข้าเรียน IELTS ภายในระยะเวลา 3 เดือนจะไหวไหม?
A: ส่วนตัวเจนคิดว่า เข้าเรียนได้นะคะ เพราะที่นี่อาจารย์จะสอนภาพรวม และใส่ใจนักเรียนทุกคน เรียกว่าเจาะเป็นรายบุคคลเลย แต่สุดท้ายแล้วเราจะได้คะแนนสอบมากน้อยแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับพื้นฐานของเราด้วย ถ้าพื้นฐานอ่อนมาก คงยากที่จะได้คะแนน 7.0 อย่างตัวเจนเองยังใช้เวลาเป็นปีเลยกว่าจะปรับตัวกับการเรียนอินเตอร์ได้ ขนาดไปเรียนทุกวันนะคะ
.
Q: มีอะไรบ้างที่อยากแนะนำน้องๆ เพื่อนๆ ที่จะต้องสอบ IELTS ?
A: การสอบ IELTS ต้องเตรียมตัวดีๆ นะคะ ไม่ใช่นึกจะไปสอบเมื่อไหร่ก็ได้แล้วด้นสดกันตอนสอบ555 ที่สำคัญคือไม่ใช่ท่องจำไปสอบ แต่เราต้องรู้เทคนิค รู้ว่าโจทย์ต้องการคำตอบแบบไหน
.
Q: การเรียนคอร์ส IELTS นอกจากจะเรียนเพื่อไปสอบแล้ว ยังมีประโยชน์ด้านอื่นอีกไหมคะ?
A: ความรู้ภาษาอังกฤษเป็นสิ่งที่ติดตัวเราไปตลอด อย่างเจนเองตอนนี้กำลังอ่านหนังสือเตรียมสอบ GMAT อยู่ ซึ่งคำศัพท์ก็ไม่ต่างจากตอนเรียน IELTS ส่วนเรื่องการเขียนก็นำเทคนิคที่เรียนไปปรับใช้ในการทำข้อสอบ GMAT ได้ นอกจากนี้เรายังต้องใช้ภาษาอังกฤษในการติดต่อสื่อสารในชีวิตประจำวันอยู่ดี ไม่ว่าจะเดินทางไปต่างประเทศ พูดคุยกับเพื่อนต่างชาติ หรือใช้ในการสัมภาษณ์งาน หรือทำงาน เป็นต้น เพราะฉะนั้นเรียนไปก็ได้ใช้ประโยชน์อยู่แล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น ในยุคนี้ถ้าคุณไม่ได้ภาษาอังกฤษเท่ากับคุณอยู่ต่ำกว่ามาตรฐาน อย่างน้อยคุณต้องมีความรู้บ้าง สื่อสารได้บ้าง แต่ในทางตรงกันข้ามถ้าคุณเก่งภาษาอังกฤษ คุณก็จะมีภาษีที่ดีกว่าคนอื่น นับเป็นการเพิ่มโอกาสที่จะเติบโตและก้าวหน้าในอาชีพการงานค่ะ
หมายเหตุ: ผลสอบของนักเรียนอาจแตกต่างกันไปขึ้นกับพื้นฐานภาษาอังกฤษ ระยะเวลาในการเตรียมตัว และความมุ่งมั่นตั้งใจในการเตรียมสอบด้วย อย่างไรก็ตามทางอิงลิชพาร์คพร้อมดูแลและช่วยให้นักเรียนทุกคนประสบความสำเร็จในการเรียนตามเป้าหมายที่วางไว้ค่ะ