ชอบคอร์สเรียนที่เราได้เรียนครบทุกทักษะครับ เพราะบางโรงเรียนเขาก็สอนแต่ IELTS จริงๆ แต่ที่ English Parks ถ้าพื้นฐานยังไม่พร้อม เราก็มาเรียนเตรียมตัวก่อนได้ ซึ่งการเรียน IELTS ให้ได้ดีจริงๆ พื้นฐานเราต้องแน่นก่อน
การเตรียมตัวเพื่อไปเรียนต่อต่างประเทศ การสอบ IELTS ให้ผ่านอย่างเดียวอาจจะไม่เพียงพอนะคะ สิ่งสำคัญ คือเราควรเตรียมพื้นฐานภาษาอังกฤษของตัวเองให้พร้อมสำหรับการเรียนด้วยค่ะ มาดูตัวอย่างความสำเร็จของการเรียนของคุณโจ้ จารุกิตติ์ นักเรียนคอร์ส Unlimited English Weekend ที่ใช้เวลา 3 เดือนแรกเรียนรู้ทักษะพื้นฐานต่าง ๆ ให้แน่นก่อน ก่อนจะมาโฟกัสกับการทำข้อสอบ IELTS ในช่วง 3 เดือนหลังค่ะ อาจจะใช้เวลานานหน่อย แต่ขอบอกว่าผลที่ได้คุ้มค่าแน่นอนค่ะ ลองอ่านแนวทางการเตรียมสอบ IELTSจากคุณโจ้ได้เลยค่ะ
Q: รบกวนน้องโจ้แนะนำตัวนิดนึงค่ะ ตอนนี้ทำอะไรอยู่ และวางแผนการเรียนต่อไว้ยังไงบ้างค่ะ
A: สวัสดีครับ ชื่อโจ้ จารุกิตติ์ มหาภิรมย์ ตอนนี้ผมก็ทำงานเกี่ยวกับ Program Consultant ครับ ทำงานมาประมาณ 3 ปีกว่าแล้วครับ ผมอยากไปเรียนต่อที่อังกฤษทางด้าน Data Science ครับ เพราะว่าสาขานี้กำลังเป็นที่ต้องการของตลาดเป็นอย่างมาก เนื่องจากจะได้เรียนเกี่ยวกับการพยากรณ์ข้อมูลครับ ตอนนี้ผมก็ดูมหาวิทยาลัยที่อังกฤษไว้ เพราะมีหลายๆที่เปิดสอนสาขานี้ และมีหลักสูตรที่เข้มข้น เลยคิดว่าน่าจะตอบโจทย์เราครับ
.
Q: น้องโจ้เริ่มวางแผนเรียนต่อมานานหรือยังคะ และคะแนน IELTS ที่น้องโจ้ต้องใช้ในการเรียนต่อคือประมาณเท่าไหร่
A: ก็เริ่มเตรียมตัวมาตั้งแต่ปลายปี 2016 คะแนนที่อยากได้ก็ IELTS 6.5 ซี่งตอนนี้ก็ได้ตามที่ต้องการแล้วครับ ^__^
.
Q: ก่อนจะมา เรียนที่ English Parks น้องโจ้เคยสอบ IELTS หรือเคยเรียนเพื่อเตรียมตัวเพื่อ สอบ IELTS มาก่อนหรือเปล่าคะ
A: ผมไม่เคยสอบและไม่เคยเรียนเกี่ยวกับ IELTS มาก่อนเลยครับ ก่อนมาเรียนที่ English Parks คือไม่รู้เลยว่า IELTS มันเป็นยังไง พอมาเรียนเลยทำให้เรารู้ว่า IELTS มีรูปแบบการสอบยังไง มีจุดตรงไหนบ้างที่ต้องระวัง
.
Q: น้องโจ้รู้จัก English Parks ได้ยังไงค่ะ แล้วอะไรที่ทำให้เราตัดสินใจเรียนที่นี่
A: หลังจากที่รู้ว่าผมต้องสอบ IELTS ก็ลอง search หาข้อมูลใน internet ดู ว่าเรียนที่ไหนดี ผมก็อยากได้ที่เรียนที่คนเรียนแล้วว่าใช้ได้จริง ได้คะแนนจริงๆไม่อยากเชื่อแค่คำโฆษณาเฉยๆ แล้วผมก็เจอ English Parks และได้เข้าไปดูเว็บไซต์ ก็รู้สึกว่าน่าสนใจดี เลยตัดสินใจลองเข้ามาเทสดูครับ
.
Q: พอตัดสินใจมาเทสแล้วทางเจ้าหน้าที่ให้คำแนะนำน้องโจ้ว่ายังไงบ้างคะ
A: ตอนนั้นพี่เขาก็แนะนำว่าว่าพื้นฐานผมยังไม่พร้อมที่จะเข้าเรียน IELTS และแนะนำคอร์ส Unlimited English ให้ เพื่อเรียนเตรียมพื้นฐานภาษาอังกฤษให้ดีขึ้นก่อน ผมก็เลยตัดสินใจเรียน Unlimited ครับ จะว่าแล้ว Unlimited มันก็เหมือนคอร์ส Pre-IELTS อ่ะครับ คือเนื้อหาจะไม่ใช่ IELTS แต่เป็นสิ่งที่จำเป็นต้องใช้เวลาสอบอยู่แล้วครับ เช่น การออกเสียง (Pronunciation), การอ่าน, Grammar และ Speaking ครับ เหมือนเป็นการเรียนเพื่อเตรียมตัวเราให้พร้อมก่อน
.
Q: สาเหตุที่ทำให้น้องโจ้ตัดสินใจเรียนที่ English Parks คืออะไรคะ เพราะตอนนั้นไม่ได้ตั้งใจจะเรียน Unlimited Weekend เลยด้วยซ้ำ เพราะมีน้องๆ หลายคนพอรู้ว่าพื้นฐานไม่พร้อมสำหรับการเรียน IELTS ก็จะถอดใจไม่อยากเรียนแล้ว เพราะอยากจะเข้าเรียน IELTS เลย
A: เหตุผลหลักๆ คือผมก็ดูคะแนนจากที่เทสแล้วแล้ว ก็เห็นว่าผิดเยอะจริงๆ ยังไม่พร้อมที่จะเรียน IELTS จริงๆ ยอมรับว่าผมไม่รู้เลยว่า IELTS Speaking เป็นยังไง พอได้เห็นข้อสอบจริงก็เอ๋อเลยครับ ก็เลยคิดว่าเรียนแบบ General ไปก่อนดีกว่า พอพี่เจ้าหน้าที่เฉลยตัวเทส writing ให้ พี่เค้าเฉลยละเอียดมากครับ รวมถึงก็ให้คำแนะนำว่าต้องเตรียมตัวยังไงบ้างถ้าอยากได้ IELTS 6.5 ผมเลยตัดสินใจเรียนที่นี่เลยครับ
.
Q: นอกเหนือจากการเรียน Unlimited Weekend ที่โรงเรียนแล้ว ตอนนั้นน้องโจ้มีการเตรียมตัวเพิ่มเติมยังไงบ้างคะ เพราะพี่ได้ข่าวมาว่าเคยไปลองสอบ IELTS อยู่ครั้งนึง
A: ก็นอกเหนือจากการมาเรียนช่วงแรกแบบ General ที่ English Parks ผมก็กลับไปทบทวนและฝึกทำข้อสอบ IELTS เพิ่มเติมที่บ้านด้วยครับ เพราะผมตัดสินใจไปสอบ IELTS ครั้งแรกตอนที่เรียน Unlimited ช่วงแรก เพื่อดูว่าการสอบ IELTS จริงๆ เป็นยังไง ผลออกมาก็ได้คะแนน 5.5 ครับ ก็พอใจกับคะแนนนะครับ เพราะผมยังไม่ได้เข้าไปเรียน IELTS จริงๆ เลยครับตอนนั้น
.
Q: น้องโจ้คิดว่าสาเหตุอะไรที่ทำให้เราสอบครั้งแรกแล้วได้ 5.5 เลย โดยที่ยังไม่ได้เริ่มเรียน IELTS เลย แค่มาเรียนแบบปูความพร้อมในส่วนของ Unlimited
A: ผมคิดว่าวิชาที่เราเข้าเรียนตอนเรียน Unlimited ค่อนข้างช่วยได้เยอะครับ เช่นวิชา Pronunciation ก็ทำให้เราออกเสียงได้ถูกต้อง ซึ่งมันเป็นส่วนนึงของเกณฑ์การให้คะแนนในพาร์ท IELTWS Speaking ครับ เพราะ Pronunciation คิดเป็นน้ำหนักคะแนน 25% เลย คือก่อนที่ผมจะมาเรียนผมรู้ตัวเลยว่าออกเสียงผิดเยอะมาก
ส่วนการเรียน Grammar ก็ช่วยเวลาทำข้อสอบพาร์ท Listening และ Reading นะครับ การรู้พวก Part of Speech ต่างๆ ก็ทำให้เราเดาคำศัพท์ได้ ว่าคำตอบควรจะเป็นอะไร แล้วทำให้เราตัดตัวลือกได้ โดยวเฉพาะพาร์ท Reading เวลาที่เขาให้เติมคำในช่องว่าง ซึ่งกับเวลาในการสอบที่มีค่อนข้างจำกัด ถ้าเราดูออกว่าโจทย์ต้องการคำประเภทไหนก็จะทำให้เราหาคำตอบได้ง่ายขึ้นครับ
ส่วนพาร์ท Writing คะแนนความถูกต้องในการใช้ Grammar ก็คิดเป็น 25% เลยครับ ซึ่งถ้าเราเขียนประโยคได้ถูก Grammar ถึงรูปประโยคจะไม่ซับซ้อนมากแต่ถ้าเราเขียนได้ถูกต้องก็สามารถทำคะแนนได้เช่นกันครับ
.
Q: หลังจากที่เรียน Unlimited Weekend จบน้องโจ้ก็ต่อคอร์สเพื่อเข้า เรียน IELTS กับทางอิงลิชพาร์คเลย คราวนี้ไปสอบใหม่หลังจากเข้าเรียน IELTS แล้ว คะแนนเป็นยังไงบ้างคะ คิดว่าการสอบครั้งแรกกับครั้งที่ 2 ต่างกันยังไง
A: คราวนี้สอบได้ IELTS 6.5 ครับ สิ่งที่ต่างจากตอนสอบครั้งแรกอย่างชัดเจนเลยคือ ความมั่นใจ เพราะเวลาเราเตรียมตัวเอง เราเตรียมได้แค่พาร์ท Listening กับ Reading ครับ ส่วน Writing กับ Speaking จำเป็นจะต้องมีคนช่วยตรวจ ช่วยให้คำแนะนำ อย่าง Speaking ถึงในชีวิตจริงเราจะพูดภาษาอังกฤษได้ดีขนาดไหนแต่เวลาไปสอบจะต่างกันครับ การพูดเพื่อให้ได้คะแนนบางครั้งจำเป็นจะต้องมีเทคนิคหรือมีทริคบางอย่าง ซึ่งไม่สามารถหาใน Internet ได้ เช่นเวลามาเรียนคุณครูจะบอกเลยว่าควรพูดแบบไหน ยกตัวอย่างยังไงให้เราได้คะแนนดีขึ้น
.
Q: แล้วคะแนน IELTS แต่ละพาร์ทที่สอบรอบที่ 2 เป็นยังไงบ้างคะ
A: ได้ Reading 8.0 จากตอนแรก 6.5, Listening 6.0, Speaking 6.0 และ Writing 5.5 ครับ
คือ Reading ที่คะแนนขึ้นมาเยอะผมคิดว่าเป็นเพราะการได้เรียนเรื่อง Part of Speech ครับ เพราะตอนแรกที่เราเตรียมตัวเองพอเจอข้อสอบที่เติมคำเยอะๆ ผมก็มึนเลยครับ พอเจอประโยคที่มันยาวมากๆ ก็ไม่แน่ใจ ลังเลว่าคำนี้มันคืออะไร แต่พอได้เรียน IELTS ปุ๊ป ก็ทำให้เรารู้ว่าคำนี้มันควรเป็น Noun หรือ Verb หรือ Adjective เวลาอาจารย์สอนในห้องเขาจะสอนให้เราอ่านโจทย์ก่อน แล้วให้เดาว่าคำนี้ควรจะเป็นอะไร แล้วเราก็พยายาม scan หาคำนั้นครับ หรือพวกคำที่เป็น Synonym ด้วย ส่วน Speaking ครั้งแรกได้แค่ 5.5 เพราะยังไม่รู้วิธีการตอบ เวลาตอบก็พูดไปเรื่อยๆ พอมาเรียนก็รู้ว่าเออบางเรื่องเราก็ต้องสร้างเรื่องขึ้นมานะเพื่อที่จะให้ได้คะแนนดีๆ
.
Q: นอกเหนือจากการมาเรียนที่โรงเรียน น้องโจ้มีวิธีการเตรียมตัวสอบเพิ่มเติมยังไงบ้างคะ รบกวนแชร์ให้เพื่อนๆ นิดนึงค่ะ
A: ผมอาศัยการอ่านบ่อยๆ ครับ และฝึกทำข้อสอบให้ได้วันละ 2 ช.ม.โดยจะเน้นไปที่ Listening กับ Reading ในวันธรรมดา และ Writing กับ Speaking ในส่วนของเสาร์-อาทิตย์ครับ
ส่วนเวลาเรียนที่โรงเรียนถ้ามีศัพท์อะไรที่น่าสนใจก็จะจดใส่มือถือเอาไว้ดูเวลานั่งรถไปทำงานครับ
.
Q: มีประสบการณ์ให้การสอบ IELTS มาทั้งหมด 2 ครั้ง ในทั้งหมด 4 พาร์ทของ IELTS น้องโจ้คิดว่าพาร์ทไหนที่เราพอได้และพาร์ทไหนที่เรากังวลมากที่สุดคะ
A: พาร์ทที่พอได้เอาจริงๆ คือไม่มีเลยครับ 55555 แต่ที่กลัวที่สุดคือ Writing ครับ เพราะแค่เขียนเรียงความเป็นภาษาไทยยังลำบากเลย ปัญหาคือโจทย์บางเรื่องนี่คิดคำตอบไม่ออกเลยครับว่าจะเขียนยังไง
ครั้งแรกที่สอบเลยได้ Writing 5.0 ไปสอบรอบ 2 ได้ Writing 5.5 ครับ ก็ถือว่าโอเคแล้ว เพราะครั้งแรกเขียนสะเปะสะปะมากครับ ส่วน Reading ที่คะแนนขึ้นเยอะ ตอนแรกก็ตกใจเหมือนกันครับ 5555 นอกจากเรื่อง Part of speech ที่สำคัญมากจริงๆ อาจารย์ก็ให้เทคนิคการทำ Reading ในส่วนที่เป็น True, False, Not Given ด้วยครับ ว่าต้องดูยังไงบ้าง
.
Q: น้องโจ้ชอบการเรียนที่ English Parks ตรงไหนคะ และอยากให้โรงเรียนเสริมหรือปรับปรุงตรงไหนเพิ่มเติมบ้าง
A: ชอบคอร์สเรียนที่เราได้เรียนครบทุกทักษะครับ เพราะบางโรงเรียนเขาก็สอนแต่ IELTS จริงๆ แต่ที่ English Parks ถ้าพื้นฐานยังไม่พร้อม เราก็มาเรียนเตรียมตัวก่อนได้ ซึ่งการเรียน IELTS ให้ได้ดีจริงๆ พื้นฐานเราต้องแน่นก่อน เพราะอย่างบางคนเน้นเรียนแค่เอาเทคนิคเพื่อทำข้อสอบให้ผ่าน แต่พอไปเรียนต่างประเทศจริงๆ ก็มีหลายคนที่มีปัญหาเพราะภาษาเราไม่แน่นจริงๆ ครับ
แต่ที่ English Parks เวลามาเรียนเขามีห้องให้เราเลือกเรียนครับ เช่นวันเสาร์บ่าย จะมีห้อง Grammar 3 ชั่วโมง ห้อง Speaking 3 ชั่วโมง ตอนเช้าก็มีห้อง Pronunciation กับห้อง Reading และ Error Correction ให้เราได้ฝึกครับ ซึ่งพวกทักษะเหล่านี้เราสามารถเอาไปใช้เวลาที่เรียนต่างประเทศได้
ส่วน Sentence Writing ก็เป็นคลาสที่ทำให้เราเขียนประโยคได้ถูกต้องมากขึ้นครับ และการสอนก็เป็นคลาสเล็กๆ ครับ อาจารย์ดูแลนักเรียนได้ทั่วถึง เวลาให้ตอบคำถาม อาจารย์จะเห็นได้ชัดเลยครับว่าใครตามไม่ทัน เวลาเรียน Speaking จะนั่งเป็นวงกลม ซึ่งมันช่วยกระตุ้นให้เราพูดมากขึ้น ในส่วนที่อยากให้เสริมคืออยากให้โรงเรียนจัดทำ list คำศัพท์ของพาร์ท Reading กับ Listening ขี้นมาครับ เอาเป็นศัพท์ที่ต้องเจอบ่อยๆ โดยเฉพาะ Reading ครับ สัก 100 คำ เรียงตามอักษร ส่วน Writing อาจารย์จะคอยให้ศัพท์เพิ่มเติมอยู่แล้วครับ
.
Q: น้องโจ้อยากฝากอะไรถึงเพื่อนๆ ที่กำลังเตรียมตัวสอบ IELST บ้างคะ โดยเฉพาะๆ เพื่อนที่พื้นฐานอาจจะไม่ดีมาตั้งแต่ต้น
A: การสอบ IELTS เป็นการสอบที่ยาก แต่ก็ไม่ได้ยากจนเกินไป คนที่คะแนนยังไม่ถึงก็อย่าท้อครับ เพราะการจะสอบ IELTS ให้ได้นั้น จำเป็นจะต้องมีพื้นฐานที่ดีก่อน อย่างผมตอนแรกที่มาที่นี่ก็อยากเรียน IELTS แต่พื้นฐานยังไม่พร้อม แต่ก็ตัดสินใจที่จะเรียน Unlimited ก่อนเพื่อเตรียมตัว ผมเชื่อว่าไม่มีอะไรที่เราพยายามแล้วจะทำไม่ได้ครับ
หมายเหตุ: ผลสอบของนักเรียนอาจแตกต่างกันไปขึ้นกับพื้นฐานภาษาอังกฤษ ระยะเวลาในการเตรียมตัว และความมุ่งมั่นตั้งใจในการเตรียมสอบด้วย อย่างไรก็ตามทางอิงลิชพาร์คพร้อมดูแลและช่วยให้นักเรียนทุกคนประสบความสำเร็จในการเรียนตามเป้าหมายที่วางไว้ค่ะ