Image Not Found

น้องสเปน IELTS 6.5

อาจารย์จะสอนเทคนิคต่างๆในการทำข้อสอบเยอะมาก และก็ดูใจเย็นมากด้วย แถมดูแลนักเรียนในห้องอย่างทั่วถึง อย่าง Writing อาจารย์จะให้นักเรียนในห้อง Brainstorm กันครับ ว่าในหัวข้อนี้แต่ละคนมีไอเดียหรือคิดเห็นยังไงกันบ้าง ผมว่าข้อดีของการ Brainstorm คือ เราสามารถเอาไอเดียของคนอื่นๆ มาปรับใช้ได้ ซึ่งช่วยทำให้งานเขียนของเราดีขึ้นครับ

IELTS 6.5

Listening
7.5

Reading
6.5

Writing
6.0

Speaking
5.5

“น้องสเปน ชิราวุธ อิ่มทรัพย์” นักเรียนคอร์ส IELTS ของเรา เพิ่งได้ผลคะแนนสอบ IELTS 6.5 (Listening 7.5, Reading 6.5, Writing 6.0, Speaking 5.5) มาสดๆร้อนๆ และกำลังจะยื่นขอทุนเรียนต่อคณะวิศวกรรมศาสตร์ที่ไต้หวันค่ะ น้องสเปนเคยเรียนที่อินเดียอยู่หลายปี โดยใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก แต่พอกลับมาเรียนที่เมืองไทยก็ได้ใช้ภาษาอังกฤษน้อยลง โดยเฉพาะทักษะ Writing ที่แทบจะไม่ได้ฝึกเลย และยังใช้ Grammar ผิดๆถูกๆอยู่บ่อยครั้ง ดังนั้นการมาเรียนเพิ่มเติมจึงเป็นการทบทวนและได้ฝึกเทคนิคการทำข้อสอบ ที่ช่วยให้ได้คะแนน IELTS ผ่านเกณฑ์การขอทุนตั้งแต่ครั้งแรกที่สอบค่ะ

ผมชื่อสเปนนะครับ ตอนนี้เรียนอยู่ ม.6 สายวิทย์-คณิต หลักสูตร English Program ที่โรงเรียนมัธยมวัดนายโรงครับ

ผมจะขอทุนไปเรียนต่อที่ไต้หวันช่วงสิ้นปีนี้ครับ ชื่อทุนว่า “MOE Taiwan Scholarship” ซึ่งต้องใช้ผล IELTS 6.0 – 6.5 ผมได้ overall 6.5 ผ่านตามเกณฑ์ที่กำหนด แต่ยังไม่ได้เจาะจงว่าจะยื่นเข้าที่ไหน ความจริงถ้าได้ทุนนี้ ผมสามารถเข้าเรียนมหาวิทยาลัยไหนก็ได้ในไต้หวัน ซึ่งกรรมการจะพิจารณาจากผลคะแนน IELTS และ งานเขียน Study plan ว่า ถ้าเราเรียนตรงนี้แล้วจะนำไปต่อยอดอย่างไร ส่วนตัวผมตั้งใจว่าจะเข้าเรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์ครับ

ผมเคยไปเรียนที่อินเดีย ช่วง ป.4- ม.1 ครับ ก็เลยพอจะมีพื้นฐานภาษาอังกฤษอยู่บ้าง ตอกแรกผมไม่รู้เลยครับว่าจะสมัครเรียน IELTS ที่ไหนดี แต่พอดีมีเพื่อนที่เคยเรียนที่ English Parks แนะนำให้ผมมาเรียนที่นี่ ซึ่งเพื่อนสอบ IELTS ได้คะแนน 6.5 ผมเลยลองมาสมัครเรียนคอร์ส IELTS ที่นี่ดูครับ ตอนที่เข้ามาทำ Pre-test ครั้งแรกก่อนสมัครเรียน ผมเขียน Grammar ผิดค่อนข้างเยอะ สาเหตุเพราะหลังกลับมาจากอินเดีย ผมได้ใช้ภาษาอังกฤษน้อยลงครับ

เทียบกับตอนที่ผมมาทำ Test ครั้งแรก ผมทำข้อสอบไม่ทันเลย แต่ช่วงที่เรียนอาจารย์ได้ให้เทคนิคการทำข้อสอบในหลายๆส่วน อย่าง Reading ผมสามารถอ่านได้เร็วขึ้น จับใจความสำคัญๆได้ถูกต้อง ถ้าเป็น Listening เทคนิคสำคัญคือ ต้องตั้งใจฟัง และจับให้ได้ว่าตรงไหนเป็น Keyword ของคำตอบ ส่วน Writing ตอนแรกคิดว่าตัวเองเขียนได้อยู่แล้ว แต่พอส่งงานเขียนชิ้นแรกไป กลับมีปากกาแดงขีดเต็มเลย ส่วนใหญ่โดนอาจารย์แก้เรื่อง Grammar แหละครับ และก็เรื่องไอเดียที่ยังเขียนวนไปวนมา ซึ่งอาจารย์แนะนำว่าควรเขียนอย่างไรให้ประเด็นมันชัดเจนขึ้น ผมว่าการเขียนส่งบ่อยๆ ทำให้ได้ Comment ดีๆจากอาจารย์ ที่ผมสามารถเอาไปปรับใช้ในการเขียนครั้งถัดไปให้ดีขึ้นครับ

นอกจากนี้ผมยังได้การบ้านเพิ่มเติมจากพี่ๆสต๊าฟ ซึ่งพอได้การบ้านไปแล้ว พี่ๆจะคอยตามให้ส่งตลอด ทำให้ผมได้ทบทวนนอกเหนือจากการเรียนในห้องเรียน ยิ่งช่วงใกล้สอบก็เข้ามาทำ Mock-up Test ทุกอาทิตย์ ซึ่งคะแนนรวมๆแล้ว ดีขึ้นเรื่อยๆ พอคะแนนเริ่มคงที่ประมาณ 6.0-6.5 ก็คิดว่าตัวเองน่าจะพร้อมแล้วล่ะ เลยตัดสินใจไปสอบครับ

สอบครั้งแรกเลยครับ ผมว่าบรรยากาศมันกดดันกว่าทำ Mock-up Test เยอะเลย แถมตอนที่ผมสอบ คนที่นั่งสอบคู่กับผม ก็ทำผมเสียสมาธิมากๆ เพราะเขานั่งสั่นขาตลอดเวลา โต๊ะก็จะสั่นๆอยู่ตลอด ผมรู้สึกหงุดหงิดมากนะ แต่ต้องตั้งสมาธิกลั้นใจทำข้อสอบต่อให้จบ ตอนแรกคิดว่าจะได้คะแนนน้อยกว่าที่คิดด้วยซ้ำ โชคดีที่สติไม่หลุดมากครับ ^_^

ตอนที่ทำข้อสอบพาร์ท Reading ก็มีเสียสมาธิไปบ้าง เลยเป็นเหตุให้ทำไม่ทัน ซึ่งพอรู้ตัวว่าทำไม่ทัน ผมเริ่มเครียดและกังวลมาก และยังต้องเขียน Writing ต่อด้วย ผมยิ่งกดดันหนักขึ้นอีกครับ แต่ก็พยายามเขียนจนจบ

ช่วงแรกที่มาทำ Speaking Test ผมยังได้คำถามง่ายๆอยู่ ซึ่งก็พูดได้นะครับ แต่ช่วงท้ายๆ ก่อนไปสอบจริง อาจารย์เลือกคำถามที่ยากขึ้น แล้วคอมเม้นท์มาว่า เนื้อหาที่ผมคุยมันสั้นไป ไอเดียยังไม่ชัดเจน โชคไม่ดีตอนไปสอบจริงดันเจอคำถามยากครับ ถามเกี่ยวกับ Business people ซึ่งผมไม่มีไอเดียเลย รู้เลยว่าตัวเองพูดวนไปวนมา ถึงจะพยายามลำดับประเด็นสำคัญๆที่จะพูดแต่เนื้อหามันก็ไม่ค่อยเคลียร์ ทำให้คะแนนส่วนนี้ตกไป แต่รวมๆแล้ว คะแนนที่ได้มาก็พอใจนะครับ ก่อนจะรู้ผล ผมกังวลด้วยซ้ำว่าจะได้น้อยกว่านี้ เพราะตอนที่สอบจริงมันกดดันมากครับ

อาจารย์ช่วยผมได้เยอะเลยครับ อย่างที่บอกว่าอาจารย์จะสอนเทคนิคต่างๆในการทำข้อสอบเยอะมาก และก็ดูใจเย็นมากด้วย แถมดูแลนักเรียนในห้องอย่างทั่วถึง อย่าง Writing อาจารย์จะให้นักเรียนในห้อง Brainstorm กันครับ ว่าในหัวข้อนี้แต่ละคนมีไอเดียหรือคิดเห็นยังไงกันบ้าง ผมว่าข้อดีของการ Brainstorm คือ เราสามารถเอาไอเดียของคนอื่นๆ มาปรับใช้ได้ ซึ่งช่วยทำให้งานเขียนของเราดีขึ้นครับ

ส่วนอื่นๆ ผมว่าพี่ๆที่นี่น่ารักมากๆเลยครับ เข้ามาก็ทักทายกันประจำ คอยเตือนเรื่องการบ้านทุกครั้งที่เจอหน้ากัน และนัดให้มาทำ Test สม่ำเสมอ ซึ่งเป็นเหมือนการกระตุ้นให้เราตื่นตัวกับการสอบอยู่ตลอดครับ

หมายเหตุ: ผลสอบของนักเรียนอาจแตกต่างกันไปขึ้นกับพื้นฐานภาษาอังกฤษ ระยะเวลาในการเตรียมตัว และความมุ่งมั่นตั้งใจในการเตรียมสอบด้วย อย่างไรก็ตามทางอิงลิชพาร์คพร้อมดูแล และช่วยให้นักเรียนทุกคนประสบความสำเร็จในการเรียนตามเป้าหมายที่วางไว้ค่ะ