Image Not Found

มิน IELTS 7.5

คลาส Speaking ที่นี่ อาจารย์จะมี Topic มาให้นักเรียนได้พูดคุยหลายหัวข้อมาก แล้วหนูรู้สึกว่าการเรียนแบบนี้มันดี นอกจากจะได้ฝึกพูดภาษาอังกฤษแล้ว ยังได้ฝึก Critical thinking ที่ปกติแล้วเราไม่ค่อยได้ฝึกกันในโรงเรียนไทยทั่วๆไป และบางหัวข้อที่ฝึกในคลาสก็เป็นหัวข้อจากการสอบ IELTS Speaking จริงๆ ซึ่งหนูว่ามีประโยชน์มาก ๆ ค่ะ

IELTS 7.5

Listening
9.0

Reading
8.5

Writing
6.0

Speaking
7.0

น้องๆ คนไหนวางแผนจะเรียนต่อคณะยอดนิยมอย่าง BBA, EBA จุฬาฯ หรือ BBA และ BE ธรรมศาสตร์ ปัจจุบันนี้ต้องใช้คะแนน IELTS ขั้นต่ำ 6.5 เพื่อใช้ในการสมัคร ยังไม่รวมถึงขั้นตอนการสัมภาษณ์ด้วยนะคะ 😀

วันนี้ข่าวดีและบทสัมภาษณ์ “น้องมิน อภิชญา ทับคง” นักเรียน ม.6 เตรียมอุดมศึกษา ซึ่งเพิ่งมีข่าวดีว่าน้องสอบติดคณะ BBA จุฬาฯ เรียบร้อยแล้วค่ะ ซึ่งน้องมินสอบ IELTS ได้คะแนนถึง 7.5 เลยค่ะ เก่งมากๆ ^__^

Reading 9.0, Listening 8.0, Writing 6.0 และ Speaking 7.0 โดยพาร์ท Reading ให้ได้คะแนนเต็ม 9.0 เลยด้วย

ใครที่กำลังวางแผนในการสอบอยู่ลองดูบทสัมภาษณ์น้องได้เลยค่ะ ว่ามีการฝึกฝนและเตรียมตัวอย่างไรบ้าง

ถ้าใครอยากเรียนคณะนี้ อย่างน้อยต้องมีคะแนน IELTS 6.5 ค่ะ ก่อนจะมาเรียนที่อิงลิชพาร์ค หนูคิดว่าการสอบให้ได้ 6.5 เป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากเหมือนกัน เพราะ IELTS เป็นการสอบที่วัดทักษะทุกด้าน แต่ตอนนั้นหนูมั่นใจแค่ Reading กับ Listening ส่วน Writing กับ Speaking นี่หนูไม่เก่งเลยค่ะ

หนูเขียนกับพูดไม่ค่อยคล่องแคล่วเท่าไหร่ มีหลายครั้งที่ตอบไม่ตรงโจทย์ หรือ off topic ดูได้จากคะแนนสอบที่หนูได้ Writing 6.0 ซึ่งเป็นพาร์ทที่ได้คะแนนน้อยที่สุด ช่วงที่มาเรียน หนูส่งการบ้าน Writing ทุกอาทิตย์ และได้คะแนนจากอาจารย์อยู่ในช่วง 6.5 – 7.5 ตลอด ตอนไปสอบก็มั่นใจนะคะว่าเขียนได้ค่อนข้างโอเค แต่หลังจากสอบ IELTS ได้มาคุยกับพี่ๆ สต๊าฟที่โรงเรียน รู้เลยว่าตัวเองตอบ off topic ซึ่งหนูรู้สึกเสียดายมากค่ะ

ช่วงที่มาฝึกทำ Mock-Up Test ที่อิงลิชพาร์คหนูได้คะแนนพาร์ท Reading ประมาณ 8.0 – 9.0 อยู่แล้ว เลยคิดว่าผลสอบน่าจะไม่ต่ำกว่า 8.0 ก่อนสอบหนูก็เอาข้อสอบที่เคยทำ มานั่งทบทวนใหม่ทั้งหมด วันที่ไปสอบจริงหนูมั่นใจกับพาร์ทนี้มาก คือ อ่านเข้าใจและทำได้หมดเลย เทคนิคที่หนูใช้ คือ อ่านคำถามก่อน แล้วค่อยไปหาใน Passage ว่าคำตอบอยู่ตรงไหน แต่ที่ยากที่สุดคือโจทย์ที่เป็น True, False และ Not Given เพราะบางทีเราคิดไม่ตรงกับคนออกข้อสอบ ซึ่งเทคนิคในการทำโจทย์ประเภทนี้ คือ เราต้องพยายามเอาเนื้อเรื่องที่มีแค่ใน Passage เท่านั้น ห้ามคิดเอาเองเด็ดขาดค่ะ

False จะเป็นสิ่งที่ใน Passage มีบอกไว้ แต่ในส่วนของคำถามจะตรงกันข้ามกับข้อมูลที่มีใน Passage แต่ถ้าเป็น Not Given มันจะไม่มีบอกอยู่ใน Passage เลยค่ะ แต่ส่วนที่สำคัญที่สุดคือต้องฝึกทำข้อสอบบ่อยๆ แล้วเราจะแยกความต่างระหว่าง False กับ Not Given ได้เองค่ะ ^__^

หนูรู้ตัวว่า Writing กับ Speaking คือจุดอ่อนที่สุดของหนู เพราะฉะนั้นการเรียนคอร์ส Unlimited จะตอบโจทย์ที่สุดค่ะ เพราะนอกจากจะได้เข้าเรียนคลาส IELTS แล้ว หนูยังได้เข้าเรียนคลาส Sentence Writing และคลาส Speaking อีกเยอะมาก สาเหตุที่เลือกเรียน Speaking เยอะเป็นพิเศษ เพราะหนูเป็นคนคิดช้า กว่าจะพูดออกมาแต่ละที ต้องใช้เวลาเปลี่ยนจากภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษก่อน แต่พอได้เข้าเรียนบ่อยๆ หนูก็ปรับตัวได้และสามารถพูดออกมาได้เองแบบอัตโนมัติค่ะ

ถ้าเป็น Reading กับ Listening น่าจะพอฝึกด้วยตัวเองได้ค่ะ แต่ถ้าเป็น Writing กับ Speaking มินคิดว่ายังไงก็ต้องมาเรียน อย่าง Writing ถ้าฝึกเองที่บ้านก็ไม่มีใครตรวจให้ เราไม่มีทางรู้เลยว่าเขียนผิดตรงไหน ส่วน Speaking ให้ฝึกพูดคนเดียวที่บ้านมันรู้สึกแปลกๆ และการมาเรียนยังได้เทคนิคในการทำข้อสอบด้วยค่ะ

คลาส Speaking ที่นี่ อาจารย์จะมี Topic มาให้นักเรียนได้พูดคุยหลายหัวข้อมาก แล้วหนูรู้สึกว่าการเรียนแบบนี้มันดี นอกจากจะได้ฝึกพูดภาษาอังกฤษแล้ว ยังได้ฝึก Critical thinking ที่ปกติแล้วเราไม่ค่อยได้ฝึกกันในโรงเรียนไทยทั่วๆไป และบางหัวข้อที่ฝึกในคลาสก็เป็นหัวข้อจากการสอบ IELTS Speaking จริงๆ ซึ่งหนูว่ามีประโยชน์มากๆค่ะ

ถ้าให้บอกตามตรง นี่คือสิ่งที่ทำให้หนูตัดสินใจเรียนที่อิงลิชพาร์คค่ะ หนูเคยลอง search หาข้อมูลในอินเตอร์เน็ต ซึ่งสถาบันอื่นๆ เขาก็ให้เขียน writing จากโจทย์ในหนังสือเรียน แต่ที่นี่เราสามารถเอาโจทย์จากในอินเตอร์เน็ต หรือ จากที่ไหนก็ได้มาเขียนส่งอาจารย์ได้เลยค่ะ

มาเรียนที่นี่ทำให้หนูได้รู้จักพี่ๆที่เขาโตกว่า ซึ่งหลายคนกำลังเรียนมหาวิทยาลัย และบางส่วนก็เป็นผู้ใหญ่ที่ทำงานแล้ว ซึ่งหนูว่ามันดีมาก เพราะหนูได้มีโอกาสพูดคุยและถามพี่ๆเเกี่ยวกับเรื่องเรียนในมหาวิทยาลัย รวมถึงเรื่องของอาชีพด้วย ว่าแต่ละอาชีพเป็นเป็นยังไง แล้วพวกพี่เขาต้องทำงานกันยังไงบ้าง มันเหมือนเป็นการเปิดโลกให้หนูเลย เพราะเป็นสิ่งที่หนูไม่เคยรู้มาก่อน

หนูว่าการเข้าเรียนอินเตอร์ยุคนี้มีการแข่งขันสูงมาก และใครที่จะเข้าเรียนอินเตอร์ ต้องมีคะแนน IELTS อย่างน้อย 6.5 เพราะฉะนั้นถ้ารู้ว่าต้องสอบแน่ๆก็ควรวางแผนให้ดี และฝึกทำข้อสอบเยอะๆ ซึ่งที่อิงลิชพาร์คมีข้อสอบให้ฝึกทำเยอะมาก หรือต่อให้สอบวิชาอื่น อย่าง SAT พี่ๆก็มีข้อสอบให้ แถมยังมาฝึกติวสอบสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษนอกรอบได้อีกด้วย คือบอกเลยว่าดีมากๆค่ะ ^_^

หมายเหตุ: ผลสอบของนักเรียนอาจแตกต่างกันไปขึ้นกับพื้นฐานภาษาอังกฤษ ระยะเวลาในการเตรียมตัว และความมุ่งมั่นตั้งใจในการเตรียมสอบด้วย อย่างไรก็ตามทางอิงลิชพาร์คพร้อมดูแล และช่วยให้นักเรียนทุกคนประสบความสำเร็จในการเรียนตามเป้าหมายที่วางไว้ค่ะ