Image Not Found

เปี๊ยะ IELTS 6.5

การที่ได้มาเรียนและมาฝึกทำข้อสอบ ช่วยให้เปี๊ยะประเมินคะแนนตัวเองได้ และคิดคำนวณเลยว่าถ้าอยากได้คะแนน Overall เท่านี้ ต้องได้คะแนนแต่ละพาร์ทเท่าไหร่บ้าง…อาจารย์และพี่ๆสต๊าฟคอยดูแลเอาใจใส่ดีมาก คอยตามให้ส่งการบ้าน และจดคะแนนเพื่อดูพัฒนาการของนักเรียนตลอดค่ะ

IELTS 6.5

Listening
7.0

Reading
7.5

Writing
5.5

Speaking
5.5

มีคะแนน IELTS มาเพิ่มอีกแล้วค่ะ ^__^

“น้องเปี๊ยะ ณัฐภรณ์ เลาหวงศ์วัฒนา” นิสิตคณะนิติศาสตร์ จุฬาฯ ชั้นปี 2 สอบ IELTS ได้ 6.5 แล้วค่ะ โดยน้องจะใช้คะแนนเพื่อยื่นไปเรียน Summer ที่ประเทศอังกฤษ

วันนี้น้องจะมาแชร์ประสบการณ์ในการเตรียมตัว รวมถึงประสบการณ์ที่กดดันตอนสอบ IELTS Speaking รวมถึงวิธีการแก้ปัญหาค่ะ ใครวางแผนจะสอบ IELTS อยู่ ลองดูบทสัมภาษณ์นี้ได้เลยค่ะ

คะแนนที่น้องได้แต่ละพาร์ทนะคะ ^__^

Listening 7.0

Reading 7.5

Writing 5.5

Speaking 5.5

Overall 6.5

ที่ต้องสอบ IELTS เพราะเปี๊ยะอยากไปเรียนคอร์สซัมเมอร์เกี่ยวกับกฏหมายของมหาวิทยาลัยที่ประเทศอังกฤษค่ะ ตอนนี้มีหลายมหาวิทยาลัยที่เปิดรับสมัคร บางมหาวิทยาลัยมีเงื่อนไขว่าเราต้องสอบ IELTS ให้ได้คะแนนขั้นต่ำ 6.5 แต่บางมหาวิทยาลัยต้องการคะแนน 7.0 เปี๊ยะเองก็ดูไว้หลายที่เหมือนกันทั้ง London School of Economics, King College, University of Cambridge และ University of Oxford ค่ะ

ก่อนจะมาเรียน IELTS เปี๊ยะไม่รู้เลยว่าข้อสอบเป็นยังไง ต้องเริ่มเตรียมตัวจากตรงไหน เพราะ IELTS ไม่เคยอยู่ในหัวเลย เปี๊ยะเริ่มจากการหาข้อมูลที่เรียนในอินเตอร์เน็ต แล้วก็ไปถามเพื่อนๆ สมัยเรียนเตรียมอุดมศึกษา ที่เคยสอบ IELTS ว่าเขาเรียนที่ไหนกัน ซึ่งเพื่อนๆ ส่วนใหญ่แนะนำอิงลิชพาร์ค เปี๊ยะเลยมาที่นี่ค่ะ

ใช่ค่ะ จริงๆ เป็นคนที่เป๊ะแกรมม่ามาก แต่เวลาเขียนเป็นประโยค เปี๊ยะจะได้ภาพรวม เนื่องจากความสะเพร่าทำให้มีจุดผิดเล็กๆ น้อยๆ พอรวมกันแล้วก็โดนหักคะแนนเยอะเลย เช่น ไม่มี article ใช้ preposition ผิด รวมถึงเลือกคำศัพท์มาใช้ผิดบริบทค่ะ

ที่ทำได้ดีที่สุด คือ พาร์ท Reading นอกนั้นคือไม่มั่นใจเลย อย่าง Listening ที่เปี๊ยะสามารถอัพคะแนนขึ้นมาได้ถึง 7.0 เพราะช่วงโค้งสุดท้ายก่อนสอบ เปี๊ยะฝึกทำข้อสอบเยอะมาก รวมๆ แล้ววันละ 10 ชุดเลยค่ะ ส่วนหนึ่งมาทำที่โรงเรียน แล้วก็ขอข้อสอบกลับไปทำที่บ้านด้วย

แต่อัพคะแนน Speaking กับ Writing ไม่ทันจริงๆ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเปี๊ยะต้องโฟกัสเรื่องเรียนที่มหาวิทยาลัยด้วย เลยไม่ค่อยมีเวลาเข้ามาซ้อม Speaking นอกรอบเพิ่มเติม และไม่มีเวลาเขียน Writing ส่งอาจารย์ด้วยค่ะ

เปี๊ยะคิดว่ามันเป็นวิธีการคิดในแบบฉบับของเด็กนิติฯส่วนใหญ่ คือ เราจะอธิบายเกริ่นนำถึงปัจจัยและที่มาของเหตุผลทั้งหมดก่อน แล้วถึงค่อยสรุปประเด็นในช่วงสุดท้าย ซึ่งกว่าที่เราจะตอบเข้าประเด็นคำถามได้ก็ใช้เวลานานมาก แต่การสอบ IELTS เราไม่ได้มีเวลามานั่งอธิบายอะไรได้ยาวขนาดนั้น อันนี้เป็นสิ่งที่เปี๊ยะปรับตัวไม่ทัน เพราะปกติเราจะมีวิธีคิดอีกแบบค่ะ

ตอนที่เข้าไปสอบ Examiner ถามว่า คุณสนิทกับใครไหมในย่านที่คุณอาศัยอยู่ เปี๊ยะตอบว่า เปี๊ยะอยู่หอของมหาวิทยาลัย ด้วยความที่อยู่หอเลยได้มีโอกาสไปกินข้าวที่ร้านอาหารแถวมหาวิทยาลัยบ่อยๆ จนสนิทกับเจ้าของร้าน แต่ Examiner ถามกลับมาว่า ใช่หรอ คนเราจะไปสนิทกับเจ้าของร้านได้ยังไง เปี๊ยะก็อึ้งไปเลย และเริ่มรู้สึกกดดัน เพราะไม่รู้จะตอบกลับไปว่ายังไงดี

มีอีกคำถามนึง ถามว่า คนเราจะช่วยอนุรักษ์พลังงานได้ยังไง เปี๊ยะตอบว่า ทุกคนทำได้ด้วยการช่วยกันประหยัดน้ำ ประหยัดไฟ หรือเวลาจะเดินทางไปไหนก็ให้ใช้บริการขนส่งมวลชน Examiner ก็บอกว่ากรุณาให้รายละเอียดมากกว่านี้ เช่น รัฐบาลควรจะออกกฏแบบไหน มีนโยบายยังไง พอเจอแบบนี้ก็กดดันมากเหมือนกันค่ะ

เปี๊ยะไปถามเพื่อนๆ ที่เขาเคยสอบกันนะคะว่าเป็นยังไงบ้าง เพื่อนบางคนโชคดีเจอคำถามไม่ยากมากก็เลยสอบ Speaking แบบชิวๆ เรียกว่าเหมือนเข้าไปคุยเล่นกับ Examiner เลย แต่คนที่เจอคำถามยากๆแล้วตอบไม่ได้ก็มีเหมือนกัน ซึ่งพอเราตอบไม่ได้มันก็รู้สึกกดดันเป็นปกติอยู่แล้วค่ะ

ถ้าเกิดว่าเจอเหตุการณ์กดดัน ประมาณว่าตอบคำถามไปแล้ว แต่ Examiner ถามกลับมาในเรื่องเดิม แสดงว่าเราอาจจะตอบไม่ตรงประเด็น ให้ลองสังเกตเวลาที่ Examiner เขาคอมเม้นท์กลับมาว่าเขาต้องการให้เราตอบไปในทางไหน อย่าไปดันทุรังพยายามตอบในสิ่งที่เราคิดว่าใช่ เพราะมันอาจจะไม่ใช่สำหรับ Examiner ก็ได้ ที่สำคัญอย่ามัวแต่อึ้งแล้วปล่อย dead air ตอบอะไรได้ก็ตอบไปก่อนค่ะ

ก็โอเคนะคะ เพราะเปี๊ยะได้คะแนน Listening เพิ่มขึ้นเยอะมากจากตอนแรกที่มาเรียน แต่ถ้ามีเวลาเตรียมตัวและฝึก Writing กับ Speaking มากกว่านี้ ก็น่าจะได้คะแนนดีขึ้นค่ะ อีกอย่างคือการที่ได้มาเรียนและมาฝึกทำข้อสอบ ช่วยให้เปี๊ยะประเมินคะแนนตัวเองได้ และคิดคำนวณเลยว่าถ้าอยากได้คะแนน Overall เท่านี้ ต้องได้คะแนนแต่ละพาร์ทเท่าไหร่บ้าง

จะบอกว่าอาจารย์และพี่ๆสต๊าฟคอยดูแลเอาใจใส่ดีมาก คอยตามให้ส่งการบ้าน และจดคะแนนเพื่อดูพัฒนาการของนักเรียนตลอดค่ะ บางครั้งที่คะแนนตก พี่ๆจะถามเลยว่าเป็นอะไรหรือเปล่า เกิดอะไรขึ้น อีกทั้งยังมี materials ในการฝึกทำข้อสอบทุกอย่าง แต่ผิดที่เราไม่มีเวลาเข้ามาเอง เพราะฉะนั้นถ้าใครอยากสอบได้คะแนนดี ต้องมีเวลาในการเตรียมตัว แล้วทุ่มให้เต็มที่ไปเลยค่ะ

หมายเหตุ: ผลสอบของนักเรียนอาจแตกต่างกันไปขึ้นกับพื้นฐานภาษาอังกฤษ ระยะเวลาในการเตรียมตัว และความมุ่งมั่นตั้งใจในการเตรียมสอบด้วย อย่างไรก็ตามทางอิงลิชพาร์คพร้อมดูแล และช่วยให้นักเรียนทุกคนประสบความสำเร็จในการเรียนตามเป้าหมายที่วางไว้ค่ะ