Image Not Found

เอม IELTS 6.5

ถ้าไม่เรียนก็ไม่รู้เลยว่าจะทำข้อสอบได้ยังไง ครั้งแรกที่ลองทำเทสต์ก่อนเข้าเรียน หนูอ่านไม่รู้เรื่องเลยว่าส่วนสำคัญที่ต้องเช็คคำตอบมันอยู่ตรงไหนบ้าง พอได้เรียนอาจารย์ก็สอนเทคนิคให้ไล่ดูคำถามคร่าวๆ ก่อน จะได้รู้ว่าคำถามต้องการอะไร ซึ่งช่วยให้เราจับประเด็นสำคัญๆ ที่เป็นคำตอบได้ง่ายขึ้น

IELTS 6.5

Listening
7.5

Reading
7.0

Writing
5.5

Speaking
6.5

มีข่าวดีมาเพิ่มอีกแล้วค่ะ 😀

“เอม ณัทณรัณ ศิริพันธ์” สอบ IELTS ได้ผลคะแนน Overall 6.5 (Listening 7.5, Reading 7.0, Speaking 6.5, Writing 5.5) และได้เข้าเรียนปริญญาโทที่ Northumbria University ประเทศอังกฤษอย่างที่ตั้งใจไว้แล้วด้วยค่ะ ยิ่งไปกว่านั้นจากคนที่พูดภาษาอังกฤษแทบไม่ได้ ตอนนี้เอมกลายเป็นคนที่ใช้ภาษาอังกฤษได้ดี วิธีการเรียนแบบไหนที่ช่วยให้เอมเก่งขึ้นได้ในระยะเพียง 6 เดือน ติดตามได้จากบทสัมภาษณ์ค่ะ

พอเรียนจบปริญญาตรี จากคณะวิศวกรรมศาสตร์ สิ่งแวดล้อมจากเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี หนูวางแผนไปเรียนต่อปริญญาโทที่ต่างประเทศเลย ตอนนั้นยังไม่รู้รายละเอียดเรื่องการไปเรียนต่อมากเท่าไหร่ เลยไปปรึกษากับเอเจนซี่ เขาแจ้งว่าต้องใช้ผลคะแนน IETLS แต่พอไปอ่านรีวิวเรื่องข้อสอบ และลองหาตัวอย่างข้อสอบมาอ่าน หนูอ่านไม่ออกเลยค่ะ รู้เลยว่ายากมาก ทำให้ต้องหาที่เรียนภาษาอังกฤษเพิ่มเพื่อเตรียมตัวค่ะ

ก่อนจะเริ่มหาที่เรียน หนูยังไม่รู้เลยว่าต้องใช้ผลคะแนนเท่าไหร่ คิดแค่อยากจะรีบไป ตอนนั้นเดือนกันยายน 2560 หนูมีเวลาเรียนได้ประมาณ 3 เดือน เพราะตั้งใจว่าจะไปช่วงเดือนมกราคม 2561 เลยพยายามหาคอร์สเรียนระยะสั้นๆ หนูเริ่มหาข้อมูลจาก Internet แล้วเจอ English Parks ซึ่งสนใจคอร์ส Private แต่พอทำ Pre-test พื้นฐานหนูเข้าขั้นแย่เลยค่ะ จากตอนแรกที่คิดว่าพื้นฐานไม่น่าจะแย่มาก พอได้เทสต์ก็เห็นปัญหาหลายเรื่อง ทั้งคำศัพท์ และ Grammar จะพูด จะเขียนมันก็ยังติดๆ ขัดๆ พี่เจ้าหน้าที่แนะนำว่า ถ้ามีเวลาเรียนแค่ 3 เดือน ไม่น่าจะพอ ซึ่งหนูเห็นด้วย เลยเลื่อนกำหนดการไปเรียนต่อ แล้วเลือกเรียนแบบ Unlimited 6 เดือน เพื่อเตรียมตัวให้เต็มที่ดีกว่า

สาเหตุที่ตัดสินใจเรียนที่นี่ เพราะคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ด้วย ที่แนะนำแบบตรงไปตรงมา และ ดูจากคอร์สเรียนที่มีให้เรียนครบทุกทักษะ รวมถึงข้อสอบ IELTS ด้วย ซึ่งตอบโจทย์หนูมากค่ะ

ได้ประโยชน์มากค่ะ ตอนที่เรียนปริญญาตรี ไม่ค่อยได้ใช้ภาษาอังกฤษเต็มที่เท่าไหร่ เวลาเขียนหนูใช้ Translate จาก Google ส่งอาจารย์ด้วยซ้ำ ไม่รู้เลยค่ะว่าถูกผิด Grammar ยังไง แต่การได้เรียน Grammar และ Sentence writing ในช่วงแรกที่อิงลิชพาร์ค ทำให้หนูเข้าใจหลักการเขียนมากขึ้น และหนูก็ชอบเข้าคลาส CU-TEP reading ด้วยค่ะ ช่วงแรกๆ ยังตามไม่ค่อยทัน เพราะในคลาสศัพท์ยากเยอะ แต่อาจารย์จะแตกคำศัพท์เป็นชุดๆ เพื่อให้เราคุ้นเคยกับคำกลุ่มนี้ แล้วสอนแบ่งวรรคในการอ่าน โดยให้ดูในประโยคว่า Subject คืออะไร Verb แท้อยู่ตรงไหน เพื่อที่เราจะอ่านได้เข้าใจเร็วขึ้น

ส่วน Pronunciation ก่อนหน้านี้ไม่รู้ตัวนะคะว่าเราพูดไปแล้วฝรั่งจะฟังไม่ออก แต่พอได้เรียนแล้วเราจะระวังและเน้นมากขึ้นเวลาออกเสียง

คลาส Conversation ช่วงแรกๆจะกดดันนิดนึง ยังไม่ค่อยกล้าพูดเพราะกลัวพูดผิด บางทีพูดได้ไม่เป็นประโยค เลยทำให้ไม่มั่นใจ แต่หนูพยายามเข้าเรียนให้ต่อเนื่อง จนผ่านไปสัก 2-3 เดือนก็เริ่มชินกับการฟังสำเนียงของอาจารย์ และเริ่มจำประโยคที่ใช้บ่อยๆได้ ไม่ค่อยเกร็งเหมือนช่วงแรก ส่วนเพื่อนๆในห้องเรียนก็ช่วยๆกันด้วย บรรยากาศการเรียนเลยสนุกขึ้นค่ะ

ข้อสอบมันลึกลับมากค่ะ ถ้าไม่เรียนก็ไม่รู้เลยว่าจะทำข้อสอบได้ยังไง ครั้งแรกที่ลองทำเทสต์ก่อนเข้าเรียน หนูอ่านไม่รู้เรื่องเลยว่าส่วนสำคัญที่ต้องเช็คคำตอบมันอยู่ตรงไหนบ้าง พอได้เรียนอาจารย์ก็สอนเทคนิคให้ไล่ดูคำถามคร่าวๆ ก่อน จะได้รู้ว่าคำถามต้องการอะไร ซึ่งช่วยให้เราจับประเด็นสำคัญๆ ที่เป็นคำตอบได้ง่ายขึ้น

สำหรับ IELTS Listening การได้เข้าเรียน General Listening และ Conversation ช่วง 3 เดือนแรก ช่วยได้เยอะเลยค่ะ พอมาเรียนในคลาส IELTS หนูก็มี Skill ฟังส่วนนึงแล้วล่ะ แต่คำถามในตัวข้อสอบจะเป็นลักษณะ Paraphrase ประโยคมาอีกที

IELTS Writing นี่ยากขึ้นไปอีกขั้นเลยค่ะ จากที่ได้เรียน Sentence writing มา มันคือส่วนของการสร้างประโยค แต่ใน IELTS Writing เราต้องคิดหาพวก Transition word และคำศัพท์ต่างๆ เข้ามาเสริม เพื่อทำให้ไอเดียของเราคมขึ้น นอกจากนี้อาจารย์ยังสอนวิธีคิดก่อนเริ่มเขียนด้วย เช่น ต้องรู้ว่าจะเขียนอะไร ลำดับเนื้อหาในแต่ละ Paragraph ควรใส่อะไรบ้าง และใส่ได้เยอะแค่ไหน

ส่วน Speaking พอเริ่มเข้าเรียน IELTS หนูก็ถูกปรับให้ไปเรียนคลาส Speaking ที่ยากขึ้น อย่าง Academic speaking หนูได้เจอเพื่อนๆในคลาสที่พื้นฐานดี แล้วใช้ประโยคที่ Advanced ทั้งนั้นเลย ทั้งคำศัพท์และรูปประโยคดูสวยมากๆ ในคลาสอาจารย์จะแนะนำเรื่องการใช้ภาษาให้ดีขึ้นไปอีก อาจารย์จะแนะนำการใช้คำศัพท์ที่สามารถสื่อความหมายได้ตรงกว่า หรือ ปรับประโยคจาก Active เป็น Passive บ้างเพื่อให้ดูมีลูกเล่นมากขึ้นและไม่ใช้รูปประโยคซ้ำไปซ้ำมา ตอนแรกๆที่เรียน หนูโดนแก้เยอะเลย เพราะพูดผิด ซึ่งหนูก็เอาตรงนี้มาใช้ได้เยอะตอนสอบจริงค่ะ

ไม่ถึงกับต้องมาครบทุกชั่วโมงนะคะ แค่พยายามมาให้เยอะที่สุด ช่วงนั้นหนูไม่ได้ทำงานด้วยเลยมาเรียนได้ต่อเนื่อง อีกอย่างคือตั้งใจที่จะสอบให้ได้ด้วยค่ะ คิดว่าถ้าหายไปสักช่วง หรือมาเรียนไม่สม่ำเสมอ จะทำให้การเรียนไม่ต่อเนื่องแล้วต้องมาเริ่มกันใหม่มันจะเสียเวลาเปล่าๆ พอได้มาเรียนก็ได้ฝึกทุกวัน คำศัพท์บางคำเราใช้ได้เลยโดยไม่ต้องท่อง เพราะเราได้ใช้จนชินค่ะ

พี่ๆให้การบ้านไปทำแทบทุกวันเลย ซึ่งหนูก็ทำส่งตลอด และเวลาที่ส่งการบ้านช้า พี่ๆจะคอยตามเสมอ ช่วงแรกใช้เวลานานมาก หนูกะเวลาไม่ได้เลยเพราะข้อสอบมันยาก อย่าง Reading ให้เวลา 1 ชั่วโมง Passage สุดท้ายต้องมั่วคำตอบไปเลยเพราะอ่านไม่ทัน แต่พอทำไปได้สักระยะ Speed ก็เร็วขึ้น ใช้เวลาลดลงเรื่อย ๆ จนทำข้อสอบทันในที่สุดค่ะ

ผลคะแนนสอบ IELTS 6.5 ก็พอใจมากค่ะ โดยเฉพาะ Speaking ที่ได้ 6.5 เพราะจากตอนแรกหนูพูดภาษาอังกฤษแทบไม่ได้เลย ส่วนคะแนนแต่ละพาร์ท ก็ได้ใกล้เคียงกับที่ซ้อม Mock-up test ที่พี่ ๆ นัดให้มาทำทุกสัปดาห์ ช่วง 2 เดือนก่อนสอบ หนูทำไปประมาณ 10 ชุด พอไปสอบจริงก็ไม่กดดันเรื่องเวลาเลย เพราะชินกับข้อสอบ และจัดการกับเวลาได้ดีด้วยค่ะ

หนูสมัครเรียนตอนแรก 6 เดือน แล้วเรียนต่อคอร์สอีก 2 เดือน ซึ่งหนูประทับใจพี่ๆสต๊าฟ และอาจารย์ที่นี่มาก ทุกคนเอาใจใส่พร้อมให้คำปรึกษาตลอด หนูเคยปรึกษานอกรอบเรื่อง Writing อาจารย์ก็นั่งอธิบายทีละจุดว่าผิดตรงไหน และต้องแก้ยังไง ส่วนบรรยากาศในคลาสเรียนก็ไม่เครียด เพื่อนๆที่เรียนด้วยกันก็น่ารัก มีอะไรก็จะช่วยๆกัน ทำให้หลายคนกลายเป็นเพื่อนสนิทกันไปเลยค่ะ

หมายเหตุ: ผลสอบของนักเรียนอาจแตกต่างกันไปขึ้นกับพื้นฐานภาษาอังกฤษ ระยะเวลาในการเตรียมตัว และความมุ่งมั่นตั้งใจในการเตรียมสอบด้วย อย่างไรก็ตามทางอิงลิชพาร์คพร้อมดูแล และช่วยให้นักเรียนทุกคนประสบความสำเร็จในการเรียนตามเป้าหมายที่วางไว้ค่ะ