Image Not Found

Doctor Nick IELTS 7.5

ที่ English Parks ทั้งอาจารย์และก็ทีมงานทำงานแบบครอบครัว ทุกคนช่วยกัน และมีเป้าหมายเดียวกันคือให้นักเรียนสอบผ่านตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ อาจารย์และทีมงานมีส่วนช่วยทำให้เด็กประสบความสำเร็จ อันนี้คือเหตุผลหลักที่เลือกที่นี้

IELTS 7.5

Listening
8.5

Reading
7.5

Writing
7.0

Speaking
7.0

สำหรับผู้วางแผนจะเรียนต่อต่างประเทศแล้วต้องการคะแนน IELTS สูง ๆ อย่างเช่น ด้านการแพทย์ หรือ ด้านกฎหมายที่จะมักจะมีเกณฑ์คะแนนขั้นต่ำที่ 7.0 โดยอาจจะมีเงื่อนไขเพิ่มเติมว่าต้องได้แต่ละ part ไม่ต่ำกว่า 6.5 หรือ 7.0 ด้วย
ขอบอกว่าเห็นคะแนนแล้วอย่าพึ่งท้อนะคะ ลองใช้เวลาเตรียมตัวฝึกฝนทำข้อสอบและเรียนรู้เทคนิคจากอาจารย์ที่มีความชำนาญ คะแนนสูง ๆ ก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินเอื้อมนะคะ ลองดูตัวอย่างความสำเร็จของคุณหมอนิค ที่สอบ IELTS มาหลายครั้งเคยได้คะแนนรวมสูงถึง 8.0 แต่ยังตัดสินใจกลับมาเรียน Private เพิ่มเติมเพื่อเพิ่มคะแนนในพาร์ท Reading ค่ะ เรื่องราวน่าสนใจและน่าจะเป็นแรงบันดาลใจให้หลาย ๆ คนด้วยนะคะ

ทีมสตาฟและอาจารย์ของ English Parks ขอขอบคุณพี่หมอนิคอีกครั้งที่ให้ความไว้วางใจทางโรงเรียน ตอนนี้พี่หมอเดินทางไปศึกษาต่อที่แคนาดาและยังส่งรูปถ่ายหน้าโรงพยายาลมาให้ด้วย ^_^

ตอนนี้ผมเป็นหมอโรคไต ต้องการสอบ IELTS เพื่อไปใช้เรียนต่อด้านการปลูกถ่ายไตครับ โดยหลักสูตรเขาเรียกว่า ?America board transplantation? มี 2 ที่ คือที่สหรัฐอเมริกากับแคนาดาครับ แต่ผมเลือกไปที่แคนาดา เนื่องจากว่ามหาวิทยาลัยนี้มีชื่อเสียงด้านการเปลี่ยนถ่ายไต ปีนึงก็ประมาณ 300 กว่าเคส ทำให้เรามีโอกาสได้ตรวจรักษาคนไข้ได้เยอะ เพื่อหาประสบการณ์ แต่เนื่องจากเราเป็น International student ดังนั้นประเด็นสำคัญคือเรื่องภาษา เป็นที่มาของการสอบ IELTS ซึ่งเขาต้องการคะแนนทุกพาร์ท 7.0 ขึ้นไปแต่ overall จะเท่าไหร่ก็ได้

สำหรับผมๆ มองว่าบรรยากาศครับ คือที่ English Parks ทั้งอาจารย์และก็ทีมงานทำงานแบบครอบครัว ทุกคนช่วยกัน และมีเป้าหมายเดียวกันคือให้นักเรียนสอบผ่านตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ อาจารย์และทีมงานมีส่วนช่วยทำให้เด็กประสบความสำเร็จ อันนี้คือเหตุผลหลักที่เลือกที่นี้ ส่วนเหตุผลต่อมาคือโลเคชั่น เพราะใกล้ที่ทำงาน เพราะถ้าผมไปเรียนแล้วผมต้องเดินทางไปกลับ 2 ช.ม. ก็คงไม่ไหว

ย้อนไปเมื่อ 2 ปีที่แล้วผมเรียนคอร์ส IELTS แต่ก็ไม่ได้เรียนตลอด ช่วงนั้นยุ่งมาก เรียนไปก็วิ่งไปประชุมด้วย ตอนนั้นผมวางแผนจะไปเรียนที่อังกฤษก่อน แต่ในช่วงนั้นผมก็สมัครหลายๆ โปรแกรมมีที่ Harvard ด้วยแล้วเขาก็รับก่อน ผมก็เลยไปที่นั่นแทน แต่เขาเอาคะแนน TOEFL 90 ก็ไม่มีอะไรมาก สบายๆ แต่หลักสูตรปีแรกเขาเน้นการวิจัย ก็เลยไม่ซีเรียสเรื่องภาษามาก แต่ที่ผมกำลังจะเรียนต่อ เขาเน้นการรักษาคนไข้จริงที่เรียกว่า Board ก็เลยต้องใช้ภาษาในระดับที่สูงขึ้น จริงๆ สามารถยื่นได้ทั้งคะแนน TOEFL และ IELTS แต่ TOEFL เขาต้องการแต่ละพาร์ทต้องได้ 24 คะแนน ส่วน IELTS ก็แต่ละพาร์ทต้องได้ 7.0

ผมสอบครั้งแรกเมื่อ 25 ก.ค. ครับ Listening ผมได้ 9.0 ปัญหาคือทุกพาร์ทผ่านหมด ยกเว้นพาร์ท Reading ครั้งที่ 2 ผลก็ออกมาแบบเดิมครับ ทุกพาร์ทผ่านหมดยกเว้น Reading ที่ได้ 6.5 เท่าเดิม พอผลออกมาแบบนี้ ผมก็เลยคิดว่าถึงเวลาที่ต้องหาติวเตอร์ละ ผมว่าติวเตอร์ต้องรู้แน่นอนว่าเกิดอะไรขึ้น พอดีกลับมาทำธุระที่เมืองไทย เลยตัดสินใจมาเรียนที่ English Parks อีกรอบครับ

ตอบตามตรงเลยว่า ไม่รู้ครับ ตอนนั้นคือผมก็พยายามวิเคาระห์ข้อสอบนะครับว่ามันเป็นยังไง อย่าง TOEFL มันจะมี 14 ข้อ คือมันจะมีแพทเทิร์นในการหาคำตอบ การวางเนื้อหาของ Reading ใน TOEFL มันต่างจาก IELTS ถ้า TOEFL เขาจะให้มาเป็น Essay เขาจะมีการว่าง Thesis หรือ Main Idea พวก Topic sentence ไว้ประโยคหนึ่งหรือสองคือเราต้องทำความเข้าใจตรงนี้ให้ได้ก่อน แต่ IELTS มันตรงข้ามเลย เหมือนเขาไปตัดบทความมาจาก Magazine เราก็เลยหาคำตอบไม่เจอ แต่พอมาเรียนกับอ. จ๋าย ก็เหมือนมารีเซตความคิดของเราใหม่

ตั้งแต่เรียน IELTS ครั้งแรก คือผมรู้สึกว่าอ.จ๋ายเป็นคนที่มีวิธีคิดเป็นระบบ เช่น เขาจะสอนให้ดู Part of speech ให้ดูก่อนว่าคำนี้มันเป็นอะไร สอนให้ดูลำดับก่อนหลังหรือที่มาที่ไปของเรื่องก่อน คือมันทำให้ผมเข้าใจไง คือผมชอบแนวคิดแบบนี้ คืออาจารย์เขาสามารถเอาวิทยาศาสตร์มาใช้กับการสอนภาษาได้ คือเรียนแล้วเข้าใจ ง่ายต่อการจดจำไม่ต้องท่อง

ตอนนั้นรู้เลยว่าตัวเองเตรียมตัวน้อย ด้วยเหตุผลหลักๆ ที่ผมกลับมาเมืองไทยตอนนั้นคือ ผมได้ทุนไปเข้าคอร์สอิตาลี ผมยุ่งอยู่กับการทำเรื่องขอวีซ่าด้วย มีประชุมด้วยอาศัยทบทวนช่วงหลังประชุมครับ

คราวนี้ได้ Listening 8.5, Reading 7.5, Writing 7.0, Speaking 7.0 ครับ ผมว่าสำหรับคนที่เตรียมตัวมาแล้วระดับนึง ผมว่าควรจะลองไปสอบจริงๆ ดูสักครั้ง มันอาจจะฟังดูสิ้นเปลืองนะ แต่บรรยากาศสนามจริง มันไม่เหมือนตอนเราซ้อมนะครับ เราจะได้รู้จุดปัญหาว่าควรจะแก้ที่พาร์ทไหน อีกอย่างคือการที่ต้องฝึกทำข้อสอบครับ

หลายคนมองว่าเวลาเรียนที่ไหนแล้วไปสอบแล้วไม่ได้คะแนนตามต้องการ ก็มักจะไม่กลับไปที่เดิม แต่สำหรับผมมองว่า ครูจ๋าย เขามี 2 จุดใหญ่ๆ ที่ผมประทับใจ อันที่หนึ่ง คือ เทคนิคการสอน อย่างที่สอง คือความรับผิดชอบครับ แกดูแลลูกศิษย์ดีจริงๆ ผมส่ง Line มาถามขอคำแนะนำจากอ. จ๋าย ตั้งแต่ผมยังอยู่ Boston อาจารย์ก็ตอบเต็มที่ตลอด ผมเลยประทับใจ 2 จุดนี้แหละ สุดยอดมากครับ แม้กระทั่งตอนที่ผมสอบไปแล้ว แล้วผมไม่มั่นใจ อ. จ๋ายก็ยังเอาข้อสอบไปให้ผมซ้อมอีกรอบ ประทับใจมากๆ จริง ๆ ครับ

หลังจากอ่าน testimonial ตรงนี้แล้ว ทางโรงเรียนหวังว่าน้อง ๆ จะเกิดแรงบันดาลใจ มุ่งมั่นในการทำความฝันของตัวเองให้สำเร็จกันนะคะ ^_^

หมายเหตุ: ผลสอบของนักเรียนอาจแตกต่างกันไปขึ้นกับพื้นฐานภาษาอังกฤษ ระยะเวลาในการเตรียมตัว และความมุ่งมั่นตั้งใจในการเตรียมสอบด้วย อย่างไรก็ตามทางอิงลิชพาร์คพร้อมดูแล และช่วยให้นักเรียนทุกคนประสบความสำเร็จในการเรียนตามเป้าหมายที่วางไว้ค่ะ