Image Not Found

Pipe IELTS 6.5

บรรยากาศการเรียนในคลาสดีครับ ทั้งอาจารย์และสต๊าฟ คอยสนับสนุนช่วยเหลือ และเตือนเราให้ส่งงานตลอด แถมยังคอยนัดให้มาทำ Test ด้วย ผมว่าการได้มาเรียน ทำให้เราได้เสริมเทคนิคการข้อสอบในแต่ละ Part เพิ่มเติม ซึ่งช่วยให้คะแนนสอบเราดีขึ้นครับ

IELTS 6.5

Listening
7.0

Reading
6.5

Writing
5.5

Speaking
7.5

ใช่ว่าเรียนจบ อินเตอร์มา แล้วจะทำข้อสอบ IELTS ได้สบายๆ นะคะ “น้องไปป์ สัณหณัฐ เจนเจษฎา” เล่าจากประสบการณ์ตรงว่า เรียนจบจาก BMIR การเมืองและการระหว่างประเทศ ภาคภาษาอังกฤษ คณะรัฐศาสตร์ มหาลัยธรรมศาสตร์มาก็จริง แต่กลับมีปัญหาหนักเรื่อง Reading ที่อ่านเท่าไหร่ก็จับใจความไม่ได้สักที

แต่การมาเรียนช่วยให้การสอบ IELTSของน้องไปป์ เมื่อเดือนมกราคม 2018 ที่ผ่านมาได้ผลคะแนน IELTS Overall 6.5 (Listening 7.0, Reading 6.5, Writing 5.5, Speaking 7.5) น้องไปป์ได้เทคนิคอะไรจากการเรียนที่อิงลิชพาร์ค ไปติดตามจากบทสัมภาษณ์ได้เลยค่ะ

ตอนนี้ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่อยู่ที่กระทรวงการต่างประเทศครับ หลังเรียนจบจาก BMIR ซึ่งเป็นหลักสูตรควบปริญญาตรี-โท สาขาการเมืองและการระหว่างประเทศ (ภาคภาษาอังกฤษ) ของคณะรัฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ผมก็สมัครเข้าไปทำงานเลย ซึ่งเริ่มทำงานที่นี่ตั้งแต่ตุลาคมปีที่แล้ว พอทำไปได้สักพักผมก็วางแผนว่าจะไปเรียนต่อ ป.โท ที่ต่างประเทศ ผมสนใจโครงการ Erasmus Mundus ซึ่งเป็นทุนของสหภาพยุโรป ที่เปิดโอกาสให้นักศึกษาจากทั่วโลก แต่ต้องใช้คะแนน IELTS 6.5 ทุนนี้มีหลายโปรแกรมให้เราเลือกครับ ผมเลือกไปเรียนสาขาเกี่ยวกับ Public policy ซึ่งใช้เวลาเรียน 2 ปีครับ เรียนที่ Budapest 1 ปี แล้วก็ที่ Barcelona อีก 1 ปี

ผมคิดว่าถ้าเป็นภาษาอังกฤษทั่วไป ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรครับ ผมพอได้อยู่บ้าง แต่การสอบ IELTS เราจำเป็นต้องมีพื้นฐานที่แน่นมากๆ แต่ผมยังมีปัญหาหลายเรื่อง เช่น Grammar หรือ Reading ที่ยังอ่านจับใจความได้ไม่ดีเท่าไหร่ เลยตัดสินใจมาเรียนครับ

อย่างแรกเลยคือผมเลือกจากสถาบันที่ใกล้บ้านครับ ผมมาเดินสำรวจที่เซ็นทรัลปิ่นเกล้า แล้วก็เข้ามาที่อิงลิชพาร์ค ซึ่งจากข้อมูลที่ดูมา เห็นว่าที่นี่มีนักเรียนที่สอบ IELTS ได้คะแนนเยอะหลายคน เลยคิดว่าที่นี่น่าจะดีที่สุดแล้ว

ผมได้รู้ว่าโจทย์ของ IELTS เป็นยังไง เขาต้องการวัดอะไรกับคนที่ไปสอบ ตอนแรกผมนึกว่าเป็นการสอบ Skill ฟัง พูด อ่าน เขียน เฉยๆ แต่เทคนิคเด่นๆ ที่ผมได้เยอะเลยจะเป็นเรื่องของ Reading กับ Writing ครับ อย่าง Reading ถ้าเป็นคำถามประเภท True, False, Not given เราจำเป็นต้องหา Key ของมันให้เจอ คิดเองไม่ได้

ส่วน Writing จะมีฟอร์มที่ชัดเจน ทั้งในส่วนที่เป็น Introduction, Body, Supporting idea ทำให้เวลาเขียน ผมสามารถลำดับเรื่องได้ดีขึ้น

เอาจริงๆ ผมมีเวลาซ้อมน้อยไปหน่อยครับ แต่วันเสาร์ที่ไม่ได้ทำงานหรือต้องมาเรียน ผมก็พยายามหาเวลามาทำ Mock test ผมฝึกทำได้แค่ 4-5 ครั้งนี่แหละครับ ส่วน Writing ผมส่งงานเขียนสัปดาห์ละครั้งตามหัวข้อที่เรียนครับ

มันก็ได้ตามที่ตั้งใจครับ แต่ยังมีจุดที่เสียดายใหญ่ๆ คือ Writing ซึ่งได้แค่ 5.5 ถ้ามีเวลาเตรียมตัวอีกหน่อยผมน่าจะได้มากกว่านี้ ตอนสอบ Listening ผมเหมือนจะเสียสมาธิตอนทำข้อสอบไปนิดนึง ส่วนพาร์ท Reading ผมมีปัญหาเรื่องการอ่านมาก่อน คืออ่านเข้าใจ แต่พออ่านโจทย์แล้วมักจะหา Key ของคำตอบไม่เจอ ตอนที่มาเรียนก็ได้ส่วนนี้เพิ่มเข้าไป ทำให้คะแนน Reading ออกมาค่อนข้างโอเคครับ สุดท้ายคือ Speaking ผมพอได้อยู่บ้าง ช่วงที่เรียนก็ได้ซ้อมพูดหัวข้อที่เป็นคำถามของ IELTS ทำให้เข้าใจทิศทางในการตอบที่ชัดเจน ซึ่งคะแนนออกมาได้ 7.5 นี่โอเคมากๆ เลยครับ

บรรยากาศการเรียนในคลาสดีครับ ทั้งอาจารย์และสต๊าฟ คอยสนับสนุนช่วยเหลือ และ เตือนเราให้ส่งงานตลอด แถมยังคอยนัดให้มาทำ Test ด้วย ถ้าไม่มีการกระตุ้นแบบนี้ผมคงขี้เกียจแน่นอนครับ ^_^

ผมคิดว่าสำหรับคนที่พื้นฐานภาษาอังกฤษดีอยู่แล้ว ก็ยังจำเป็นต้องรู้จุดด้อยของเราเอง ก่อนจะไปสอบจริง ลองทำ Mock Test ดูครับ แต่ผมว่าการได้มาเรียน ทำให้เราได้เสริมเทคนิคการข้อสอบในแต่ละ Part เพิ่มเติม ซึ่งจะช่วยให้คะแนนสอบเราดีขึ้นอย่างแน่นอนครับ

หมายเหตุ: ผลสอบของนักเรียนอาจแตกต่างกันไปขึ้นกับพื้นฐานภาษาอังกฤษ ระยะเวลาในการเตรียมตัว และความมุ่งมั่นตั้งใจในการเตรียมสอบด้วย อย่างไรก็ตามทางอิงลิชพาร์คพร้อมดูแล และช่วยให้นักเรียนทุกคนประสบความสำเร็จในการเรียนตามเป้าหมายที่วางไว้ค่ะ