Image Not Found

น้องข้าว TOEIC 720

ข้าวเริ่มต้นจากศูนย์จริงๆ มาเรียนครั้งแรกไม่รู้เลยว่า Article (a, an, the) หรือ Verb to be (is, am, are, was, were) ใช้ยังไง ข้าวไม่คิดเลยว่า ระยะเวลาที่มาเรียนบวกกับเข้ามาฝึกฝนเพิ่มเติมหลังจบคอร์ส รวมแล้ว 9 เดือน จะทำให้เราพัฒนาได้ขนาดนี้

TOEIC

720

ใครที่กำลังท้อแท้หมดกำลังใจในการเรียนภาษาอังกฤษ ลองมาอ่านเรื่องราวของ “น้องข้าวไทย ธัชนันท์ คนตรง” นักเรียนคอร์ส Unlimited 6 เดือนของเรากันดูนะคะ จากที่พื้นฐานภาษาอังกฤษอ่อนมาก ชนิดที่เรียกว่าฟัง พูด อ่าน เขียน แทบจะไม่ได้เลย แต่วันนี้น้องข้าวสอบ TOEIC ได้ 720 คะแนน ซึ่งน้องข้าวได้พิสูจน์ให้เห็นว่า ทักษะภาษาอังกฤษสามารถพัฒนาได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว ขอเพียงแค่มีความตั้งใจบวกกับความมานะพยายามค่ะ

พอเปิดซองผลคะแนน อุ๊ย! 720 คือ ช็อคมาก งงเลยว่าทำไมได้คะแนนมากกว่าครั้งแรกเยอะจัง ทั้งที่สอบห่างกันแค่ 3 อาทิตย์ ซึ่งสอบครั้งแรกได้ 560 เองค่ะ นี่เป็นอะไรที่เหลือเชื่อมาก ๆ เพราะข้าวเริ่มต้นจากศูนย์จริง ๆ มาเรียนครั้งแรกไม่รู้เลยว่า Article (a, an, the) หรือ Verb to be (is, am, are, was, were) ใช้ยังไง ข้าวไม่คิดเลยว่า ระยะเวลาที่มาเรียนบวกกับเข้ามาฝึกฝนเพิ่มเติมหลังจบคอร์ส รวมแล้ว 9 เดือน จะทำให้เราพัฒนาได้ขนาดนี้

ครั้งแรกที่ไปสอบแล้วได้คะแนนน้อย น่าจะเป็นเพราะข้าวเรียนโทอิคยังไม่จบคอร์ส แต่ว่าอยากลองไปสอบดูก่อน ซึ่งตอนนั้นพาร์ท Listening ข้าวฟังไม่รู้เรื่องเลย ส่วน Reading ที่เป็นแกรมม่าก็ทำไม่ได้ ยิ่ง Passage ท้าย ๆ นี่ อ่านไม่ทันลนลานไปหมด ยอมรับว่าเครียดมากกับผลคะแนนครั้งแรก จากนั้นข้าวก็ฮึดสู้สุดฤทธิ์ ต่อให้ไม่สบายแค่ไหนก็มาเรียน แล้วก็ฝึกทำข้อสอบที่ยากขึ้นซึ่งข้อสอบมีกี่ชุดข้าวทำหมด แถมก่อนกลับบ้านก็มานั่งทบทวนแกรมม่า และเล่นทายคำศัพท์กับพี่ ๆ สตาฟที่เคาท์เตอร์ทุกวัน ผลคือ จากแกรมม่าที่เคยพังพินาศดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และจำคำศัพท์ได้มากขึ้นด้วย ทั้งหมดนี้แหล่ะค่ะที่ทำให้ข้าวสอบได้ 720 คะแนน

เรียกว่าหลงทางเดินเข้ามาแบบงงๆค่ะ ^^ เรื่องมีอยู่ว่า เพื่อนแนะนำว่ามีโรงเรียนนึงสอนดีนะอยู่ที่แยกพญาไท แต่เพื่อนจำชื่อโรงเรียนไม่ได้ วันนั้นข้าวพยายามเดินหาโรงเรียนตามที่เพื่อนบอก แล้วบังเอิญเดินมาเจอ English Parks พอดี ก็เปิดประตูเดินเข้ามาด้วยความมั่นใจเลยว่าต้องใช่ที่นี่แน่ ๆ ตอนนั้นไม่รู้สึกเลยว่าพี่สตาฟเขาพยายามขายคอร์สเรียนกับเรา แต่กลับให้คำแนะนำที่ดีมาก แถมพูดคุยกันอย่างสนุกสนานเว่อร์ ซึ่งทำให้ตัดสินใจทันทีว่าจะเรียนที่นี่ สุดท้ายเพิ่งมารู้ตอนหลังว่าไม่ใช่โรงเรียนเดียวกันกับที่เพื่อนบอก แต่นับว่าความเข้าใจผิดของข้าวในวันนั้นกลายเป็นเรื่องโชคดีที่สุดที่ทำให้ได้มาเรียนที่นี่ค่ะ ^^

2 เดือนแรก ข้าวเข้าเรียนปรับพื้นฐานก่อนเลยค่ะ ซึ่งเป็นการเรียน Basic Grammar และ Basic Conversation พอจบปรับพื้นฐานถึงได้เข้าเรียนตามตารางของคอร์ส Unlimited ซึ่งคราวนี้พอมาเจอคลาส Grammar ที่ Advanced ขึ้นไปอีก ข้าวยิ่งมึนหนักเลยค่ะ นี่ถ้าไม่เรียนปรับพื้นฐานมาก่อน คือ ตายแน่ ๆ ส่วนคลาส Conversation จากที่ครั้งแรกพูดไม่ได้เลย ทำได้แค่พยักหน้าอย่างเดียว ก็เริ่มจากการฝึกพูดเป็นคำ ๆ ก่อน ซึ่งอาจารย์ที่เป็น Native Speaker พยายามช่วยเต็มที่ แต่พอผ่านไป 2 เดือนเท่านั้นแหล่ะ พูดลื่นปรื้ดเลยค่ะ ^_^

จริงที่สุดค่ะ หลังจากเข้าเรียนคอร์ส Unlimited ไปแค่ 2 เดือน ข้าวก็พูดได้แล้วนะคะ เพราะเวลาที่เข้าเรียนคลาส Speaking จะพยายามฝึกพูดให้มากที่สุด และไม่อายเลยเวลาที่พูดผิด เพราะการพูดผิดถือเป็นการเรียนที่ดีมาก เวลาที่อาจารย์แก้ไขประโยคให้ เราจะได้จำในสิ่งที่ถูกต้องแทน จากนั้นข้าวขอพี่ๆสตาฟเข้าไปเรียนคลาสที่ยากขึ้น ซึ่งพี่ๆบอกว่า ถ้าข้าวมั่นใจว่าเรียนไหวก็ลองดูได้ ข้าวมองว่าการเรียนที่นี่นั้นเปิดโอกาสให้เราได้พัฒนาตัวเองมากจริงๆ เรียกว่าได้อะไรมากกว่าที่เราคาดหวังไว้เยอะมากเลยค่ะ

อยากบอกว่า ทุกคลาสที่นี่มีความเชื่อมโยงกันหมดเลย ข้าวเรียน Grammar แล้วก็เอาไปใช้ต่อในการเขียนให้เป็นประโยคในคลาส Sentence Writing ส่วนคลาส Pronunciation ของอาจารย์แบงค์ สนุกมากแล้วก็ตลกด้วย เพราะอาจารย์จะให้เราพูดจนกว่าจะออกเสียงได้ชัดเจนและถูกต้อง ซึ่งเวลาเข้าคลาส Speaking รู้สึกเลยว่าเราพูดแล้วดู professional ขึ้นมากค่ะ

ทั้งที่ใช้เวลาช่วงแรกในการปูพื้นฐานมาพอสมควรแล้วนะคะ แต่เชื่อไหมคะว่าครั้งแรกที่เข้าเรียนโทอิค ข้าวฟัง Listening ไม่รู้เรื่องเลย ทั้งที่มั่นใจมากว่าเราน่าจะทำได้ ซึ่งอาจารย์ยอดได้สอนเทคนิคว่า เราต้องเริ่มจากการฝึกจับคำศัพท์เป็นคำ ๆ ก่อน ส่วน Reading ปัญหาใหญ่คือ อ่านไม่ทัน ซึ่งอาจารย์ฝึกให้จับใจความ แบ่งประโยค และแยกประเภทคำ เช่น Subject, Verb, Adjective หรือ Adverb ข้าวใช้เวลาตั้งหลักอยู่เดือนนึงก็เริ่มดีขึ้น แล้วก็ดึงเอาสิ่งที่เคยเรียนในช่วงแรกทั้งหมดมาใช้ทำข้อสอบโทอิค อย่างเช่น ตอนนี้ถ้าเจอโจทย์ที่เป็น If Clause หรือ Relative Clause ข้าวได้หมดค่ะ ^_^

ใช่ค่ะ ล่าสุดมีเพื่อนจะไปเรียนที่ออสเตรเลีย ซึ่งเพื่อนมาขอให้ข้าวช่วยเขียน Essay เพื่อจะไปขอวีซ่าให้หน่อย เพราะว่าเพื่อนเขียนไม่ได้ เขาเลยพิมพ์ภาษาไทยส่งมาให้ ส่วนข้าวก็จัดเต็มเขียนเป็นภาษาอังกฤษกลับไปหนึ่งหน้ากระดาษ A4 ผลปรากฏว่า เพื่อนได้วีซ่ามาแล้วนะคะ เรื่องนี้เป็นอะไรที่ภูมิใจสุดๆ ซึ่งข้าวใช้ความรู้จากที่เคยเข้าไปเรียนคลาส IELTS Writing มานิดนึงเนี่ยแหล่ะค่ะมาเขียน บอกเลยว่าเรียนที่นี่คุ้มเว่อร์จริง ๆ ได้ความรู้ภาษาอังกฤษครบทุกทักษะ แถมเป็นอะไรที่ติดตัวไปตลอดชีวิตเลยค่ะ

อาจารย์ที่นี่ รวมถึงพี่ๆสตาฟทุกคนมีความเอาใจใส่นักเรียนมากค่ะ นอกคลาสเรียนยังช่วยสอน และคอยอธิบายตลอด ทุกคนมีส่วนที่ทำให้ข้าวมาไกลมากจริง ๆ โดยเฉพาะอาจารย์ Ben กับ Keith นี่ข้าวรักมากเลยนะคะ เรียกว่าเป็นผู้ปลุกปั้นจนข้าวพูดภาษาอังกฤษได้อย่างทุกวันนี้ ช่วงหลังๆนี่ Keith ยังบอกให้ข้าวช่วยสอนเพื่อนในห้องที่พื้นฐานอ่อนด้วย ซึ่งเป็นเรื่องที่ภูมิใจมากเลยค่ะ ส่วน Jason ก็ช่วยปรับแก้จากประโยคง่าย ๆ ให้ Advanced ขึ้นค่ะ นอกจากนี้ยังมีอาจารย์จ๋ายที่สอนคำศัพท์ให้เยอะมากๆ ยิ่ง Synonym นี่รัวมาเป็นชุดเลย สุดท้ายขอยืนยันคำเดิมค่ะว่า มาเรียนที่นี่คุ้มเว่อร์จริง ๆ ^_^

หมายเหตุ: ผลสอบของนักเรียนอาจแตกต่างกันไปขึ้นกับพื้นฐานภาษาอังกฤษ ระยะเวลาในการเตรียมตัว และความมุ่งมั่นตั้งใจในการเตรียมสอบด้วย อย่างไรก็ตามทางอิงลิชพาร์คพร้อมดูแลและช่วยให้นักเรียนทุกคนประสบความสำเร็จในการเรียนตามเป้าหมายที่วางไว้ค่ะ