Image Not Found

อุง IELTS 6.5

ช่วงแรกที่มาใช้ Self-learning เตรียมตัวก่อนเข้าเรียนเนื้อหาจริงๆ ก็ช่วยให้เข้าใจ IELTS ได้เยอะ พอเข้าคลาส Unlimited อุงได้เรียน Speaking บ่อยๆ เพราะมีให้เรียนได้ทุกวัน ก็ช่วยให้มั่นใจที่จะพูดมากขึ้น ส่วน Writing ชอบมากที่มีอาจารย์ช่วยตรวจ Essay ให้

IELTS 6.5

Listening
7.0

Reading
7.0

Writing
6.0

Speaking
6.0

การเรียนต่อทางด้านกฏหมายเป็นอีกคณะที่ต้องใช้คะแนน IELTS 6.5+ ซึ่งจะค่อนข้างสูงกว่าคณะอื่นๆ รวมถึงมี Requirement คะแนนขั้นต่ำในแต่ละพาร์ทด้วยค่ะ
ดังนั้นน้องๆ ที่มีแผนจะเรียนต่อทางด้านกฏหมายที่ต่างประเทศ มักจะต้องเตรียมมากเป็นพิเศษเพื่อให้ได้คะแนนตามเป้าหมาย

น้องอุงวางแผนจะไปเรียนต่อด้านกฎหมายที่ประเทศอังกฤษ เลยมาเตรียมตัวสอบที่ English Parks และไปสอบครั้งแรกก็ได้คะแนน IELTS 6.5 ลองมาติดตามบทสัมภาษณ์ของน้องอุงกันนะคะ

เรียนจบนิติศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ค่ะ จบมา 2 ปีแล้วค่ะ จากนั้นก็เรียนต่อเนติบัณฑิต ตั้งใจจะไปเรียนต่อที่ อังกฤษ เลยต้องใช้ผล IELTS 6.5 ขึ้นไปเพื่อยื่นเข้าเรียนที่นั่นค่ะ

ยังค่ะ เพราะอุงก็ยังไม่แน่ใจว่า ความสามารถทางภาษาอังกฤษของเราได้ขนาดไหน เพราะก็ไม่เคยไปสอบมาก่อน แต่หลายๆ มหาวิทยาลัย ก็ใช้คะแนน IELTS อย่างน้อย ก็ต้องได้คะแนนสัก 6.5 ก็เลยตั้งเป้าหมายไว้ว่า อยากทำให้ได้สักเท่านี้ เลยหาที่เรียน เพื่อเตรียมสอบค่ะ

อันดับแรกเลย อุง เสิร์ชใน Internet ก่อน เจอชื่อของ English Parks จริงๆ ก็เจอหลายที่นะคะ แต่ที่เลือก English Parks อย่างแรกเลย คือ ใกล้บ้าน มาเรียนได้ง่าย พออ่านรีวิวนักเรียนที่เคยเรียนก็ได้ผลคะแนนในระดับที่เราก็ต้องการ พอมาดูสถานที่เรียนก็กว้างขวาง โอเคดี และก็สนใจ คอร์สเรียน Unlimited English ที่สามารถเรียนได้ทุกวัน อุงคิดไว้ว่าอยากจะฝึกพูดให้ได้เยอะๆ คอร์สนี้ก็ดูเหมาะสม พอมาสอบถามที่โรงเรียน พี่สต๊าฟก็ให้ข้อมูลดี ดูใจดี เลยตัดสินใจเรียนที่นี่ค่ะ

ตอนที่มาเริ่มเรียน อุงสมัครเดือน ธันวาคม แต่จะได้เข้าเรียน เดือนถัดไป คือ มกราคม ช่วงที่ยังไม่ได้เข้ารอบเรียนสด พี่สต๊าฟ ก็แนะนำให้มาทบทวนในส่วน Self learning ไปก่อน ซึ่งก็ช่วยได้มาก เพื่อเตรียมตัวให้รู้ว่า IELTS มันเป็นยังไง

คลาส Listening กับ Reading อาจารย์ก็ให้ฝึกทำ และอธิบายรายละเอียดต่างๆ จากในข้อสอบเลย ส่วน Writing ชอบเป็นพิเศษนะ พี่เชอร์รี่จะเอาโจทย์ของ IELTS มาเลย แล้วบอก ทริคต่างๆ ที่ควรจะนำมาใช้ เช่น รูปแบบ Introduction, Thesis statement, Conclusion ก็ให้ฝึกเขียน ทำให้เรารู้คร่าวๆ ละว่าก่อนเริ่มเขียน เราจะวาง Step แต่ละเรื่องไปยังไง ถึงแม้ช่วงแรกๆ ภาษา, คำศัพท์ ของอุงจะยังไม่ได้ดีมาก แต่พอเรามีฟอร์มการเขียนอยู่แล้ว เราก็รู้ว่าแต่ละช่วงของ Essay เนื้อหาความไปทิศทางใด พอเรียนไปสักระยะ เราเข้าใจการใช้ภาษา, คำศัพท์ มากขึ้น ก็นำมาเสริมเข้าไป ก็ช่วยได้เยอะค่ะ

อุงฝึก 2 อันนี้เยอะๆ มาก เพราะสามารถเอากลับไปทบทวนเพิ่มเองได้ เวลาทำข้อสอบไปแล้ว อุงเช็คคำตอบ และทวนข้อผิด เรื่อยๆ ตอนมาเรียนแรกๆ ลองสอบจาก ข้อสอบที่พี่จัดมาให้ คะแนนก็ไม่ได้เยอะ 5.0 – 5.5 แค่นี้เอง ความยากของ Reading คือเนื้อหา Passage ยาวมาก คำศัพท์ก็ยากอีก
ช่วงแรกพี่ๆ ให้แบบฝึกหัด ซึ่งเนื้อหาคำศัพท์ง่ายกว่าข้อสอบจริง อุงก็เอามาทำดูรูปแบบโจทย์ในแต่ละ Section ให้เราคุ้นชินกับมัน ให้เข้าใจรูปแบบของ IELTS อุงทำแบบฝึดหัดนี้ ประมาณเดือนนึง จากนั้นอุงก็ไปซื้อหนังสือ ข้อสอบ IELTS มาฝึกทำ จริงๆ ที่ English Parks ก็มีให้นะคะ แต่อุงไปซื้อมาเอง แล้วก็ทำตารางเลยว่า แต่ละสัปดาห์ ต้องอ่าน ต้องฟัง อะไรบ้าง พอทำเสร็จแต่ละชุด เช็คคะแนน แล้วอ่านทวน จุดที่ผิด หาคำตอบใหม่ว่าอยู่ตรงไหน คำศัพท์จากข้อสอบที่ไม่รู้ ก็จดๆ เอามาท่อง สักระยะนึงเราจะจับทางข้อสอบ คำถามของ IELTS ได้ว่า ส่วนไหน Link กันบ้าง คำตอบแต่ละช่วงมายังไง พอทำไปสัก 7-8 ชุด จากแรกๆ คะแนนน้อยมากๆ ก็ดีขึ้น

คะแนน Over all ได้ 6.5 ตามที่ตั้งใจ Listening 7.0, Reading 7.0, Writing 6.0, Speaking 6.0 ค่ะ

คณะกฎหมายเลยค่ะ International Trade low, UCL (University College London) เป็นกฎหมายการค้าระหว่างประเทศ เรียน 1 ปี พอจบแล้ว จะเรียนต่ออีกมหาวิทยาลัยนึง เป็นกฎหมายเหมือนกัน

ช่วงแรกที่มาใช้ Self-learning เตรียมตัวก่อนเข้าเรียนเนื้อหาจริงๆ ก็ช่วยให้เข้าใจไอเอลส์ได้เยอะ พอเข้าคลาส Unlimited อุงได้เรียน Speaking บ่อยๆ เพราะมีให้เรียนได้ทุกวัน ก็ช่วยให้มั่นใจที่จะพูดมากขึ้น ส่วน Writing ชอบมากที่มีอาจารย์ช่วยตรวจ Essay ให้ ตอนแรกๆ อุงก็ไม่กล้าเขียน เพราะรู้สึกเขียนไม่ได้ ไม่รู้จะเขียนอะไร แต่พอเริ่มได้เขียน เริ่มรู้ทิศทางที่ต้องวางเนื้อหา ก็เขียนแล้วส่งเรื่อยๆ อาจารย์ตรวจ แก้ไข แนะก็แนะนำเพิ่มเติม เราก็ได้พัฒนาขึ้นมาเรื่อยๆ
สำหรับ Speaking กับ Writing อุงว่าสำคัญ ที่มีอาจารย์ช่วยเช็คความถูกต้องและก็แนะนำเพิ่มเติม ถึงแม้ว่า Listening กับ Reading อาจจะฝึกเองได้เยอะๆ หรือได้คะแนนเยอะ แต่ส่วนของ Writing กับ Speaking ก็ทิ้งไม่ได้ เพราะทางมหาวิทยาลัย ไม่ได้ดูแค่ Overall 6.5 แต่ละ Part ก็มีเกณฑ์คะแนนไม่ต่ำกว่า 6.0 จริงๆ การเข้าเรียนที่ UCL ต้องใช้คะแนน Over all 7.5 แต่ละ Part ไม่ต่ำกว่า 7.0 คะแนนของ อุงเนี่ย ต้องเรียน Pre sectional Course ก่อน ซึ่งก็ต้องใช้ Over all 6.5 แต่ Part ไม่ต่ำกว่า 6.0

ต้องเตรียมตัว และ ฝึกเยอะๆ เลยค่ะ ไม่ใช่แค่ฝึกทำข้อสอบจบเป็นชุดๆ แต่ต้องกลับมาทวนให้รู้ว่าคำตอบมายังไง ส่วน Writing กับ Speaking บางทีคำถามก็ทั่วๆ ไป ไม่ใช่ว่าพูดไม่ได้ เขียนไม่ได้ แต่เราไม่รู้จะตอบอะไร ต้องหมั่นซ้อมเขียน ซ้อมพูดกับคำถาม เพื่อให้เรามีไอเดีย มีทิศทางในการตอบ ถ้ามีคนช่วยแก้ไข คอมเมนต์ คำตอบเราด้วยก็จะช่วยได้เยอะค่ะ

หลังจากอ่าน testimonial ตรงนี้แล้ว ทางโรงเรียนหวังว่าน้อง ๆ จะเกิดแรงบันดาลใจ มุ่งมั่นในการทำความฝันของตัวเองให้สำเร็จกันนะคะ ^_^

หมายเหตุ: ผลสอบของนักเรียนอาจแตกต่างกันไปขึ้นกับพื้นฐานภาษาอังกฤษ ระยะเวลาในการเตรียมตัว และความมุ่งมั่นตั้งใจในการเตรียมสอบด้วย อย่างไรก็ตามทางอิงลิชพาร์คพร้อมดูแล และช่วยให้นักเรียนทุกคนประสบความสำเร็จในการเรียนตามเป้าหมายที่วางไว้ค่ะ