Image Not Found

ป่าน IELTS 7.0

การมาเรียนทุกวันเหมือนเป็นการค่อยๆสะสมความรู้ ส่วนการฝึกทำข้อสอบก็เหมือนได้พัฒนาตัวเองไปทีละขั้น ไม่ใช่ว่าทำข้อสอบครั้งเดียวแล้วจะสำเร็จเลย ก่อนจะมาเรียนที่นี่ ป่านเคยคิดว่าการสอบให้ได้ 7.0 มันยากมาก แต่หลังจากที่เรียนจบคอร์ส ป่านว่ามันไม่ได้ยากขนาดนั้น และเราก็ทำได้ค่ะ

IELTS 7.0

Listening
6.5

Reading
8.0

Writing
6.5

Speaking
6.5

น้องๆ คนไหนวางแผนจะเข้าเรียนต่อคณะแพทย์ คะแนน IELTS ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่น้อง ๆ ที่ไม่ควรมองข้ามนะคะ เพราะมหาวิทยาลัยหลายที่เปิดรับผู้ที่มีความสามารถทางภาษาอังกฤษโดยใช้คะแนน IELTS 6.5 ในการสมัครค่ะ ลองมาอ่านบทสัมภาษณ์ของ “น้องป่าน รวินันท์ ปัญจศิริ” ที่สอบ IELTS เมื่อวันที่ 11 ส.ค. 61 เป็นครั้งแรกแล้วได้คะแนน Overall 7.0 (Listening 6.5, Reading 8.0, Writing 6.5, Speaking 6.5) เพื่อสมัครเรียนต่อในคณะแพทยศาสตร์ รามาธิบดี

วันนี้น้องป่านจะมาแชร์ประสบการณ์การเรียนภาษาอังกฤษและเคล็ดลับที่ช่วยให้เธอพิชิตข้อสอบ IELTS ด้วยผลคะแนนที่เกินความคาดหมาย น้องป่านเชื่อว่า วิธีการเรียนในแบบฉบับที่เธอใช้ เป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถทำตามได้ไม่ยากค่ะ

เดี๋ยวนี้คณะแพทย์ของหลายๆมหาวิทยาลัย เขาเปิดโอกาสให้นักเรียนที่มีความสามารถทางด้านภาษาอังกฤษในการสอบเข้าคณะแพทย์มากขึ้น แต่ต้องมีคะแนน IELTS อย่างน้อย 6.5 ค่ะ ป่านตั้งใจอยากเรียนแพทย์ รามา ซึ่งยากมากๆ เพราะรับแค่รับ 25 คนเท่านั้นค่ะ

ป่านรู้ตัวเองค่ะว่าไม่ได้แกรมม่าเลย ก่อนหน้านี้เคยเรียนพิเศษที่อื่นเหมือนกัน แต่รู้สึกว่าเขาสอนอัดเกินไปจนป่านรับไม่ทัน มันก็เลยพังมาตั้งแต่แรก และที่ตัดสินใจมาเรียนที่อิงลิชพาร์ค เพราะป่านเห็นคะแนนสอบ IELTS ของนักเรียนที่นี่ รวมถึงเพื่อนป่านที่มาเรียน ก็สอบได้คะแนนดีเหมือนกัน เลยคิดว่าอิงลิชพาร์คน่าจะโอเคที่สุดค่ะ

เวลาอ่านก็เข้าใจเนื้อเรื่อง แต่แยก Part of speech ไม่ออกเลยว่าคำไหนเป็น Adjective หรือ Adverb ถ้ามีแค่ Subject + Verb + Object + Complement อันนี้รู้ แต่ถ้าโครงสร้างประโยคยาวๆที่ดูมีความซับซ้อน แบบนี้ป่านจะไม่ได้เลยจริงๆ ก่อนจะเริ่มมาเรียนและฝึกทำข้อสอบ ป่านตั้งเป้าว่าอยากสอบให้ได้ 7.0 แต่หลังจากที่ได้ทำข้อสอบ ก็มีแอบรู้สึกหวิวๆเหมือนกัน ตอนนั้นคิดว่าถ้าได้แค่ 6.5 ก็โอเคแล้ว

ป่านคิดว่าการเรียนแบบนี้มันดีกว่าเรียน IELTS อย่างเดียว ด้วยความที่พื้นฐานป่านไม่ดีอยู่แล้ว การเรียนวิชาอื่นเสริมควบคู่ไปกับการเรียน IELTS มีส่วนช่วยให้พื้นฐานของป่านดีขึ้นมาก อย่าง Sentence Writing กับ Grammar ป่านสามารถเอามาใช้ในพาร์ท IELTS Writing ได้ ส่วนคลาส Conversation ก็มีประโยชน์มากๆ ในการเตรียมสอบ IELTS Speaking ค่ะ

ถึงจะเรียนเยอะก็จริง แต่ไม่ได้รู้สึกว่ามันเรียนหนักขนาดนั้นนะคะ แล้วระยะเวลาเรียนก็แค่ 3 เดือนเองค่ะ ^__^

ประมาณเดือนครึ่งหลังจากที่เริ่มเรียนค่ะ ป่านเริ่มสังเกตได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของตัวเองก็ตอนที่เพื่อนส่งข้อความภาษาอังกฤษมาให้ เราเห็นเลยว่ามีจุดผิดตรงไหนบ้าง แล้วเราสามารถแก้ไขประโยคที่ถูกต้องให้เพื่อนได้ทันทีเลยค่ะ

ป่านรู้สึกว่า IELTS เป็นอะไรที่ท้าทายมาก และเป็นข้อสอบสากลที่ค่อนข้างยาก บางครั้งอ่านไม่ทัน หรือไม่รู้คำศัพท์ ก็ทำให้อ่านไม่รู้เรื่องเลย แต่ที่ยากที่สุดสำหรับป่าน คือพาร์ท Writing กับ Speaking

ความยากของ IELTS Writing คือ เราต้องเขียนประโยคให้ซับซ้อนและดูสวย ส่วน IELTS Speaking ป่านไม่ค่อยมีไอเดีย และเป็นคนที่ต้องใช้เวลาคิดในการตอบคำถามพอสมควร แต่ตอนสอบเราไม่ได้มีเวลาคิดนานขนาดนั้นไงคะ เลยรู้สึกว่า Speaking ยากที่สุด

ถ้าเราฝึกทำข้อสอบบ่อยๆ เราจะจับแนวได้เอง และรู้ว่าเรามีข้อผิดพลาดตรงไหน เวลาเรียนอาจารย์จะสอนว่าไม่ต้องอ่านทั้งหมด ให้ใช้วิธี Skim กับ Scan ค่ะ ก่อนหน้าที่ป่านจะมาเรียน ป่านจะอ่านทั้ง Paragraph เลย แล้วไปหาคำตอบ แต่อาจารย์บอกให้อ่านเฉพาะแค่ Topic หรือหัวเรื่องว่าเกี่ยวกับอะไร ซึ่งทำให้การจับคู่โจทย์คำถามกับ Topic ในแต่ละ Paragraph มันง่ายกว่ามาก และยังช่วยให้เราไม่สับสนด้วยค่ะ

คือป่านสติหลุดไปแว๊บนึง แล้วมันหายไปทั้ง section เลยค่ะ อีกส่วนหนึ่งเป็นเพราะป่านตื่นเต้นด้วย ก็เลยทำให้คะแนนListening ไม่ค่อยดีเท่าไหร่

เราต้องได้แกรมม่าค่ะ ป่านคิดว่าสำคัญมากกว่าคำศัพท์อีก เพราะบางครั้งเราไม่จำเป็นต้องรู้พวกคำศัพท์ยากๆก็ได้ แต่เราจำเป็นต้องรู้และเข้าใจแกรมม่า รวมถึงใช้มันให้เป็น เพื่อให้เรา ฟัง พูด อ่าน เขียนภาษาอังกฤษได้ดีขึ้นค่ะ

สิ่งสำคัญที่สุดถ้าอยากได้คะแนนสอบดีๆ คือ ต้องฝึกทำข้อสอบค่ะ การมาเรียนทุกวันเหมือนเป็นการค่อยๆสะสมความรู้ ส่วนการฝึกทำข้อสอบก็เหมือนได้พัฒนาตัวเองไปทีละขั้น ไม่ใช่ว่าทำข้อสอบครั้งเดียวแล้วจะสำเร็จเลย ก่อนจะมาเรียนที่นี่ ป่านเคยคิดว่าการสอบให้ได้ 7.0 มันยากมาก แต่หลังจากที่เรียนจบคอร์ส ป่านว่ามันไม่ได้ยากขนาดนั้น และเราก็ทำได้ค่ะ

ถ้าเป็นที่อื่นส่วนใหญ่นักเรียนก็จะได้เรียนแบบวิดีโอ แต่ที่อิงลิชพารืคคือเป็นคลาสสด ซึ่งมันดีกว่ามาก เพราะเวลาที่เราไม่เข้าใจอะไรก็ถามอาจารย์ได้เลย ส่วนการบ้านมีให้ฝึกทำเยอะมาก ทั้งที่ตลอดระยะเวลา 3 เดือนที่มาเรียน ป่านได้การบ้านกลับไปทำตลอด แต่จนถึงตอนนี้ป่านก็ยังทำไม่หมดเลย ส่วนพี่สต๊าฟทุกคนเอาใจใส่นักเรียนดีมากค่ะ ^_^

หมายเหตุ: ผลสอบของนักเรียนอาจแตกต่างกันไปขึ้นกับพื้นฐานภาษาอังกฤษ ระยะเวลาในการเตรียมตัว และความมุ่งมั่นตั้งใจในการเตรียมสอบด้วย อย่างไรก็ตามทางอิงลิชพาร์คพร้อมดูแล และช่วยให้นักเรียนทุกคนประสบความสำเร็จในการเรียนตามเป้าหมายที่วางไว้ค่ะ