Image Not Found

เจมส์ IELTS 7.0

ผมว่าอาจารย์ที่นี่สอนเต็มที่มากครับ เทคนิคของอาจารย์ผมเอาไปใช้ได้เกือบทั้งหมดเลย อันนี้ส่วนตัวผมประทับใจมากเลย ส่วนพี่สต๊าฟที่นี่ไม่เหมือนที่อื่นนะ ผมว่าดีกว่าหลายที่ที่ผมเคยเรียนมาเลย ถ้าเป็นที่อื่นผมจะมาเรียนหรือไม่มาเรียนก็ไม่เป็นไร แต่ที่นี่โทรตามตลอดเลย แต่ผมชอบนะพี่ เพราะคนแบบผมต้องโดนแบบนี้แหล่ะ ไม่งั้นผมก็เรื่อยๆ ยังไงก็ได้ บอกตามตรงผมไม่ได้รู้สึกรำคาญนะ ผมรู้สึกดี ^_^

IELTS 7.0

Listening
7.5

Reading
8.0

Writing
5.5

Speaking
6.0

จะสมัครโครงการนักศึกษาแลกเปลี่ยน หรือ Exchange Program ของมหาวิทยาลัย แน่นอนค่ะว่าผู้สมัครต้องใช้คะแนน IELTS ยื่นประกอบการพิจารณาด้วย ซึ่ง “เจมส์ จิรภัทร ประทีปสว่างวงศ์” นักศึกษาชั้นปีที่ 4 จากคณะบัญชี หลักสูตรปริญญาตรีตรีควบปริญญาโท ม.ธรรมศาสตร์ ต้องการคะแนน IELTS 6.5 เพื่อสมัครเข้าร่วมโครงการนักศึกษาแลกเปลี่ยนของมหาวิทยาลัย หลังจากมาเรียนคอร์ส Super IELTS ได้ไม่ถึง 2 เดือน เจมส์สามารถสอบได้คะแนน IELTS 7.0 สอบเมื่อวันที่ 11 ส.ค. 61 ที่ผ่านมาค่ะ

Listening 7.5

Reading 8.0

Writing 5.5

Speaking 6.0

Overall 7.0

วันนี้เจมส์มีวิธีการเตรียมตัวสอบมาแชร์ให้ทุกคนไปลองทำตามกัน

เพื่อสมัครโครงการแลกเปลี่ยนไปเรียนที่มหาวิทยาลัยในต่างประเทศ หรือ Exchange Program ของมหาลัยธรรมศาสตร์ครับ โครงการที่ผมสมัครนี้เป็นโควต้าพิเศษสำหรับเรียนป.โท ซึ่งปกติค่าใช้จ่ายในการไป Exchange 2-3 เดือนจะอยู่ที่ประมาณ 2-3 แสน แต่ถ้านักศึกษาสามารถสอบผ่านเข้าร่วมโควต้าของทางมหาลัยได้จะเสียค่าจะใช้จ่ายประมาณ 2-3 หมื่นบาทครับ วิธีการคัดเลือกของมหาลัย คือ นักศึกษาต้องสอบแข่งขัน และต้องยื่นคะแนน IELTS ด้วย ซึ่งกำหนดคะแนนขั้นต่ำที่ IELTS 6.5 ครับ ส่วนตัวผมคิดว่าถ้าได้คะแนนเยอะเท่าไหร่ เราก็จะมีโอกาสมากกว่าคนอื่น

คะแนนที่มหาวิทยาลัยกำหนดคือ 6.5 แต่ผมได้ IELTS 7.0 (Reading 7.5, Listening 8.0, Writing 5.5, Speaking 6.0) มันมากกว่าที่ผมต้องการอีกพี่ ไม่คิดว่าตัวเองจะสอบได้คะแนนเท่านี้เลย

ก่อนไปสอบประมาณ 1 เดือนนิดๆ ผมมาฝึกทำ Mock Test ที่อิงลิชพาร์คเกือบทุกวันเลย จำไม่ได้ว่าข้อสอบไปทั้งหมดกี่ชุด จำได้แค่ว่าทำข้อสอบวันเว้นวัน วันละ 1 ชุด อีกวันก็มานั่งทบทวนข้อสอบ ทวนเสร็จก็ค่อยทำชุดใหม่ครับ

เอาจริงๆนะพี่ ตอนแรกไม่คิดว่าข้อสอบ IELTS จะยากขนาดนี้ กะว่าเรียนเดือนเดียวแล้วไปสอบเลยก็น่าจะได้ แต่พี่สต๊าฟบอกให้ใจเย็นๆ ลองทำข้อสอบดูก่อน พอเห็นคะแนนที่ทำ Mock up test ครั้งแรก ผมคิดเลยพี่ว่าโชคดีนะที่ตอนนั้นยังไม่ได้สมัครสอบไว้ก่อน เพราะเท่ากับเสียเงินสอบฟรีแน่นอน

ตอนแรกผมมั่นใจระดับนึงเรื่องพื้นฐานภาษาอังกฤษของผม แต่ IELTS มันมีอะไรมากกว่านั้น เรียนไปเดือนนึงแต่ผมก็ยังไม่ได้รู้จักตัวข้อสอบดีพอ รวมถึงเทคนิคต่างๆในการทำข้อสอบก็ยังไม่แม่นเลย ผมเลยตัดสินใจเลื่อนสอบออกไปอีกหน่อย

ใช่ครับ ครั้งแรกที่มาเรียนเป็นช่วงรอยต่อรอทางมหาวิทยาลัยเปิด ผมมีเวลาว่างประมาณ 6 เดือน แต่ไม่อยากอยู่เฉยๆเลยคิดว่ามาเรียนภาษาอังกฤษจะได้มีประโยชน์ ตอนนั้นยังไม่ได้มีจุดประสงค์เรื่องสอบอะไร พี่ๆเลยจัดคลาสที่เป็นการปูพื้นฐานให้ก่อนครับ

ก่อนที่จะมาเรียนกับทางอิงลิชพาร์ค ผมเคยเรียนที่อื่นๆ มาก่อน แต่ความรู้สึกในการไปเรียนมันงงๆแปลกๆ คือ มันน่าเบื่อเพราะเขาสอนในสิ่งที่เราหาอ่านเองได้

อันนี้ผมพูดตรงๆ นะพี่ ว่ามาเรียนที่อิงลิชพาร์คมันดีกว่าจริงๆ ดีกว่าอย่างมีนัยยะสำคัญ ผมรู้สึกภายในตลอดเลยว่าอยากมาเรียนเรื่อยๆ

ตอนแรกที่ผมเริ่มฝึกทำพาร์ท Listening ก็ได้คะแนนค่อนข้างโอเค แต่ทางพี่สต๊าฟบอกว่าจริงๆ ผมสามารถอัพคะแนนขึ้นได้มากกว่านี้อีก โดยพี่ๆให้ผมฝึกฟังเพิ่มขึ้น เวลาทำข้อสอบเสร็จก็ให้นั่งฟัง Tape script ต่อ นอกจากฝึกที่โรงเรียนแล้ว ผมจะฟังพวกหนังหรือข่าวที่เป็นภาษาอังกฤษเพิ่มเติมด้วย

ส่วนพาร์ท Reading ส่วนตัวเป็นคนชอบอ่านนิยายพวกวรรณกรรมภาษาอังกฤษอยู่แล้ว แต่อาจารย์ก็มีส่วนช่วยเยอะมากเหมือนกัน เพราะว่าอย่างที่ผมบอกผมชอบอ่านนิยายภาษาอังกฤษอยู่แล้ว แต่พอมาเจอพวกข้อสอบกลายเป็นว่าอ่านแล้วจับหลักอะไรไม่ได้เลย

อาจารย์จะสอนเทคนิคในการทำพาร์ท Reading ว่าต้องดูโจทย์ก่อนนะ แล้วค่อยกลับมาดู passage หรือ พยายามดูพวกกลุ่มคำศัพท์ เพราะถ้าเรามานั่งแปลทุกคำมันอ่านไม่ทันหรอก ผมว่าหลักๆที่ช่วยผมคือเรื่องเทคนิคที่อาจารย์สอน จากที่แรกๆเข้าไปเรียนผมทำข้อสอบไม่ทันเลย แต่หลังจากที่อาจารย์ช่วยไกด์ในห้องก็รู้สึกว่าทำได้ดีขึ้น

ผมว่าอาจารย์ที่นี่สอนเต็มที่มากครับ เทคนิคของอาจารย์ผมเอาไปใช้ได้เกือบทั้งหมดเลย อันนี้ส่วนตัวผมประทับใจมากเลย ส่วนพี่สต๊าฟที่นี่ไม่เหมือนที่อื่นนะ ผมว่าดีกว่าหลายที่ที่ผมเคยเรียนมาเลย ถ้าเป็นที่อื่นผมจะมาเรียนหรือไม่มาเรียนก็ไม่เป็นไร แต่ที่นี่โทรตามตลอดเลย แต่ผมชอบนะพี่ เพราะคนแบบผมต้องโดนแบบนี้แหล่ะ ไม่งั้นผมก็เรื่อยๆ ยังไงก็ได้ บอกตามตรงผมไม่ได้รู้สึกรำคาญนะ ผมรู้สึกดี ^_^

สิ่งที่ควรทำคือ Mock up Test ครับ ต้องทำบ่อยๆ และต้องเอาข้อสอบที่ทำแล้วกลับไปทบทวนด้วย อะไรที่ผิดก็ต้องแก้ไข เพราะถ้าเราปล่อยผ่าน ครั้งต่อไปที่ทำ Mock Test เราก็จะทำผิดเหมือนเดิมอีก เช่น อันไหนที่ผมผิดแบบที่ไม่น่าจะผิด พวกเรื่องตัวสะกดต่างๆ ผมจะพยายามจำเอาไว้ เพื่อที่เวลาทำ Mock Test ในครั้งต่อๆไปจะได้ระวังไม่ให้ผิดอีกครับ

หมายเหตุ: ผลสอบของนักเรียนอาจแตกต่างกันไปขึ้นกับพื้นฐานภาษาอังกฤษ ระยะเวลาในการเตรียมตัว และความมุ่งมั่นตั้งใจในการเตรียมสอบด้วย อย่างไรก็ตามทางอิงลิชพาร์คพร้อมดูแล และช่วยให้นักเรียนทุกคนประสบความสำเร็จในการเรียนตามเป้าหมายที่วางไว้ค่ะ