Image Not Found

แบงค์ IELTS 6.5

ไม่ใช่ว่าอยากเรียน IELTS แล้วจะเข้าเรียนได้เลย เพราะ IELTS มันต้องสอบทุกทักษะ อย่าง Writing เข้าเรียนแล้วใช่ว่าจะเขียนได้ มันต้องประกอบมาตั้งแต่ Grammar, Structure, Vocab ซึ่งคลาสพวกนี้มีประโยชน์มากเลยครับ …ผมเรียนภาษาอังกฤษมาหลายที่ ผมชอบที่นี่ที่สุด

IELTS 6.5

Listening
7.5

Reading
7.0

Writing
6.0

Speaking
6.0

“แบงค์ ธนบูรณ์ เลาหชัยนาม” หลังเรียนจบ ป.ตรี จากคณะเศรษฐศาสตร์ ม.เกษตร ก็มีโอากาสได้ทำงานที่ SCB อยู่ร่วมปี แต่ด้วยความที่อยากพัฒนาตัวเอง และไปเรียนต่อต่างประเทศ ทำให้แบงค์ตัดสินใจลาออก เพราะอยากทุ่มเทให้กับการเรียนและการสอบ IELTS อย่างเต็มที่ จากที่เคยตั้งเป้าว่าอยากได้ 5.5 คะแนน แต่ผลสอบเมื่อวันที่ 14 เมษายน 2561 แบงค์สอบได้ overall 6.5 (Listening 7.5 , Reading 7.0, Writing 6.0, Speaking 6.0) แบงค์เชื่อว่าการสอบ IELTS ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ถ้ารู้ว่ามีปัญหาตรงไหนแล้วรีบแก้ไขให้ตรงจุด นี่คือสิ่งที่จะทำให้คุณพิชิตการสอบได้ไม่ยากค่ะ

พอเริ่มทำงานที่ SCB เป็น Custodian คล้ายๆเป็นหลังบ้านของกองทุน ทำหน้าที่เก็บพวกหุ้น และตรวจสอบว่าเป็นไปตามกฎไหม ผมรู้เลยว่า Profile และความรู้ความสามารถของเรายังไม่ดีพอ เลยคิดว่าจำเป็นต้องไปเรียนต่อปริญญาโทเพื่อพัฒนาตัวเอง ถ้าจะให้ดีควรไปเรียนที่ต่างประเทศ ผมเลยเล็งไปที่ประเทศอังกฤษ ซึ่งแน่นอนว่าต้องใช้คะแนน IELTS ทำให้ต้องหาที่เรียนครับ

คนที่เรียนจบ ป.ตรี มีเยอะมาก ซึ่งส่วนใหญ่จะได้ทำงานในระดับทั่วไป ไม่ได้ทำงานในระดับวิเคราะห์มากนัก เท่าที่ผมได้คุยกับเพื่อนๆหลายคน สายงานของผมถ้าไม่เทพจริงๆ ระดับเกียรตินิยม หรือไปแข่งขันโครงการอะไรมา ต่อให้เกรด 3 ขึ้น ก็ยังได้ทำงานระดับกลางๆ ผมเห็นพี่ที่ทำงานเก่าเรียนจบนอกมา ได้ทำงานในตำแหน่งที่ดี และได้เงินเดือนสูงด้วย นั่นทำให้ผมคิดที่จะขยับตัวเองบ้างละ

ก่อนเรียนยังไม่ได้ดูข้อมูลมหาวิทยาลัยเลยครับ ตัวผมเองก็มีพื้นฐานภาษาอังกฤษอยู่บ้าง อยากได้คะแนนแค่ 5.5 ซึ่งผมคิดว่าไม่น่ายาก เราน่าจะทำได้มากกว่านี้ แต่อยากได้คะแนนมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ตอนนั้นคิดแค่นี้เลย

ง่ายสุด คือ Google ก่อนเลยครับ แล้วก็ถามจากเพื่อนๆว่าไปเรียนที่ไหนมาบ้าง ก่อนมาเรียนที่ English Parks ผมเคยไปเรียน IELTS ที่อื่นมาก่อนนะ ซึ่งตอนนั้นเรียนแค่เสาร์-อาทิตย์ เพราะยังทำงานอยู่ รู้สึกว่าไม่ได้ช่วยอะไรเท่าไหร่ มันยังทำได้ไม่เต็มที่ ความจริงนอกจาก IELTS ผมยังมี Certificate บางตัวที่ต้องสอบด้วย ชื่อว่า CISA ซึ่งเป็น Certificate ด้านการเงิน ซึ่งยากมาก ผมเลยตัดสินใจลาออกเพื่อจะได้เรียนและเตรียมตัวสอบได้อย่างเต็มที่ครับ

ก่อนหน้านี้ผมเคยเรียนอยู่อ่อนนุช ซึ่งเสียเวลาเดินทางชั่วโมงนึง คราวนี้ผมเลยหาข้อมูลที่เรียนใกล้บ้านดีกว่า พอ search “ที่เรียนภาษาอังกฤษ ฝั่งธน” ก็เจอ English Parks สาขาเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า ซึ่งน้องสาวผมเคยเรียนคอร์ส Private ที่นี่ แต่ที่ตัดสินใจเรียนเพราะดูจากความน่าเชื่อถือของรีวิว และ เห็นว่านักเรียนที่นี่ไปสอบแล้วได้คะแนนดีครับ

อย่างที่บอกครับ ผมคิดว่าอยากทำให้ได้มากที่สุด ผมดูคะแนนนักเรียนที่นี่ได้ 7.5 ก็ยังมี เพราะคะแนนยิ่งสูง ผมก็ยิ่งมีทางเลือกที่จะเข้ามหาวิทยาลัยดีๆ ได้มากขึ้น และผมสามารถเรียน Unlimited 6 เดือน จบทันช่วงที่จะใช้คะแนนพอดี เลยเลือกคอร์สนี้ครับ

ผมชอบคลาสที่ได้เข้าเรียนในช่วงแรกมากๆ เพราะแต่ละคลาสจะแบ่งความชัดเจนของเนื้อหาให้เราเลือก เราอ่อนตรงไหนก็เข้าไปเรียนคลาสนั้น เพื่อแก้ปัญหาของเรา ไม่ใช่ว่าอยากเรียน IELTS แล้วจะเข้าเรียนได้เลย เพราะ IELTS มันต้องสอบทุกทักษะ อย่าง Writing เข้าเรียนแล้วใช่ว่าจะเขียนได้ มันต้องประกอบมาตั้งแต่ Grammar, Structure, Vocab ซึ่งคลาสพวกนี้มีประโยชน์มากเลยครับ

ต่างเลยครับ…ผมว่าปกติผมก็ Speaking ได้อยู่บ้างนะ แต่พอเจอคำถาม IELTS จริงๆ บางคำถามมันไม่เกี่ยวกับตัวเรา เลย แล้วเราก็ไม่มีคำศัพท์ที่จะใช้อธิบายได้เลย ซึ่งการได้เรียน IELTS ทำให้รู้เลยว่าเรายังบกพร่องตรงไหนบ้าง

ถ้าเป็น Writing มันชัดเจนเลยว่าต้อง อธิบายกราฟ, ตาราง หรือ อย่างคำถามใน Task 2 ถ้าไม่เรียนคงทำไม่ได้เลย

ส่วนการมาเรียน Listening ทำให้เราได้รู้แนวข้อสอบที่ชัดเจนขึ้น และเก็บเทคนิคเพื่อเอามาใช้จริงตอนสอบ แต่การฟังก็ต้องฝึกเองด้วย และกลับมาทำการบ้านเพื่อให้คุ้นเคยมากขึ้น

สำหรับ Reading ถ้าอ่านเฉยๆ เรื่อยๆ ก็คงทำได้ครับ แต่การสอบมันอ่านเรื่อยๆไม่ได้ เพราะมีเวลาจำกัด มันต้องอ่านและใช้เทคนิคการทำข้อสอบเข้ามาช่วย ซึ่งอาจารย์ก็แนะนำรูปแบบของข้อสอบ เช่น อันนี้สามารถอ่านคำถามก่อนได้ หรือ ถ้ามีคำตอบเรียงกันก็ไม่ต้องย้อนกลับไปอ่านเพื่อหาคำตอบ ซึ่งช่วยให้เราใช้เวลาได้มีประสิทธิภาพขึ้น

ช่วงแรกชิวมากครับ คิดว่ามาเรียนไปเรื่อยๆแล้วปล่อยให้มันค่อยๆ ซึมเข้าหัวไปเอง มารู้ตัวอีกทีผ่านไป 3 เดือนแล้ว พี่สต๊าฟก็ให้ทำ Mock-up test ตอนนั้นรู้ตัวเลยครับว่าทำไม่ได้ คะแนนมันไม่ได้อย่างที่เราคาดไว้ ที่มีปัญหาหนักๆ เลยคือ Writing Task 1 ผมใช้เวลาไป 1 ชั่วโมง ซึ่งจริงๆ ควรใช้เวลาแค่ 20 นาที ผมใช้เวลา เกือบ 2 ชั่วโมงในการทำ Writing ทั้ง 2 Tasks ส่วนเนื้อหาที่เขียนก็ออกมาไม่ดีอีก

เราก็ทำ Mock-up Test วัดตัวเองมาเรื่อยๆ คะแนนก็อยู่ที่ 5.5 บ้าง 6.5 บ้าง ช่วงนี้ผมเริ่มดูข้อมูลมหาวิทยาลัยแล้วว่า ต้องใช้คะแนนที่ 6.5 เลยตั้งไว้ในใจว่า ขั้นต่ำต้องได้ 6.5

พอรู้ว่าตัวเองอ่อน Writing ก็ฝึกเขียนบ่อยๆ ทุกครั้งที่มาส่งการบ้านอาจารย์จะมี Feedback ให้กลับไปแก้ไขเพิ่ม ซึ่งช่วยให้ผมพัฒนาเร็วขึ้น ต่างจากตอนแรกที่เรียนแบบรับข้อมูลมาอย่างเดียว แต่ไม่ได้ลงมือทำ เลยทำให้ตอนนั้นไม่รู้ปัญหาจริงๆของตัวเองครับ

คะแนนที่ออกมาก็พอใจครับ ได้ตามที่ตั้งใจ แต่จะมีเสียดายนิดเดียว คือ ถ้าผมได้คะแนนขึ้นอีก 0.5 คะแนน ในพาร์ทไหนก็ได้ ผมจะได้คะแนนรวม 7.0 แล้วครับ

พาร์ทที่เสียดายมากที่สุด คือ Speaking คิดว่าน่าจะได้สัก 6.5 แต่ออกได้มา 6.0 ก่อนจะไปสอบก็ซ้อมพูดเต็มที่มาหลายหัวข้อแล้วนะครับ แต่ตอนสอบจริงได้คำถามเกี่ยวกับสภาพอากาศ ถามว่ามันมีการเปลี่ยนแปลงยังไงบ้างในช่วง 1 ปี ซึ่งเป็นหัวข้อที่ไม่ได้เตรียมไว้ก็ต้องด้นไป อาจจะลำดับเรื่องได้ไม่ดีเท่าไหร่

ตอนนี้ผมมาเรียนปริญญาโทที่ University of Glasgow, Scotland คณะ Financial forecasting and investment ได้ 3 เดือนแล้วครับ ต้องปรับตัวเรื่องสำเนียงการพูดของคนที่นี่นิดหน่อย เพราะอาจารย์มาจากหลายประเทศ ส่วนเรื่องการเขียน Writing จะเป็นแนว Academic Style ที่คำศัพท์ยากขึ้น แต่ได้ใช้ความรู้เรื่องการ Paraphrase ที่เคยเรียนจากอิงลิงพาร์ค เยอะมากครับ

สต๊าฟมีความ Friendly มาก มาเรียนทีไรก็มีขนมให้กินตลอด คอยใส่ใจตามให้มาทำเทสต์ ถ้าวันนั้นไม่เริ่มทำเทสต์ ผมก็คงไม่รู้ว่าตัวเองยังไปไม่ถึงไหนเลย ส่วนอาจารย์ที่สอนก็ไม่ได้สลับไปๆ มาๆ ยังคงเป็นเซ็ตเดิมๆ ซึ่งทำให้อาจารย์รู้พัฒนาการของนักเรียนตลอด บรรยากาศที่นี่ก็ช่วยให้นักเรียนรู้จักและสนิทกันเร็วขึ้น ผมเรียนภาษาอังกฤษมาหลายที่ ผมชอบที่นี่ที่สุด

หมายเหตุ: ผลสอบของนักเรียนอาจแตกต่างกันไปขึ้นกับพื้นฐานภาษาอังกฤษ ระยะเวลาในการเตรียมตัว และความมุ่งมั่นตั้งใจในการเตรียมสอบด้วย อย่างไรก็ตามทางอิงลิชพาร์คพร้อมดูแล และช่วยให้นักเรียนทุกคนประสบความสำเร็จในการเรียนตามเป้าหมายที่วางไว้ค่ะ