Image Not Found

โต้ง IELTS 6.5

ถ้าพื้นฐานดีจะเรียนแค่ IELTS อย่างเดียวก็ได้ แต่ถ้าพื้นฐานไม่ได้ดีมาก ควรเลือกเรียนแบบ Unlimited จะเหมาะกว่า เพราะข้อได้เปรียบของการเรียน Unlimited คือ มีคลาส Conversation ให้เข้าเรียนเยอะมาก ซึ่งทำให้ผมได้มีโอกาสพูดบ่อยขึ้น มันเหมือนเป็นการฝึกเอาแกรมม่าและคำศัพท์ที่เคยใช้เขียนมาพูดให้เกิดความเคยชินครับ

IELTS 6.5

Listening
7.0

Reading
7.5

Writing
5.5

Speaking
5.5

มื่อมีโอกาสได้ทุนไปเรียนต่อต่างประเทศ “โต้ง ชยางกูร จินดา” หนุ่มวิศวกรจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ก็ไม่ลังเลใจที่จะกลับมาเรียน IELTS ที่อิงลิชพาร์คอีกครั้ง หลังเคยมาเรียน TOEIC เมื่อ 4 ปีที่แล้ว ความยากของ IELTS ทำให้โต้งท้อแท้ ถึงขั้นที่นั่งมองกระดาษเขียน Writing อยู่เป็นชั่วโมง โดยที่ไม่กล้าเขียนอะไรเลย สุดท้ายโต้งปลดล็อคความกลัวนี้ได้อย่างไร และมีเทคนิคอะไรถึงสอบได้คะแนน overall 6.5 (Listening 7.0, Reading 7.5, Writing 5.5, Speaking 5.5 สอบเมื่อวันที่ 11 ส.ค. 61) ติดตามอ่านเรื่องราวของโต้งจากบทสัมภาษณ์นี้ได้เลยค่ะ

ครั้งแรกที่ผมมาเรียนที่อิงลิชพาร์ค คือ เมื่อ 4 ปีที่แล้ว เป็นช่วงที่เพิ่งเรียนจบและกำลังรองานอยู่ ช่วงนั้นผมต้องสอบ TOEIC ด้วย เลยตัดสินใจมาสมัครเรียนคอร์ส Unlimited 3 เดือน ที่เรียนทั้ง TOEIC แล้วก็เรียนคลาสอื่นๆ เสริมควบคู่กันไป ตอนนั้นยอมรับว่าขาดเรียนบ่อยมาก แต่ก็ยังสอบโทอิคได้ 650 คะแนน ซึ่งผมพอใจมากนะครับ ถึงจะมาเรียนได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่ภาษาอังกฤษของผมกลับดีขึ้นผิดหูผิดตาเลยครับ

มีเหตุให้ต้องกลับมาครับ คราวนี้ผมได้รับทุนพัฒนาข้าราชการให้ไปเรียนต่อ ป.โท จากกระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งจำเป็นต้องใช้คะแนน IELTS เมื่อต้นปีผมไปสอบมาแล้วครั้งนึง ตอนนั้นไม่รู้เลยว่า IELTS คืออะไร ผมเตรียมตัวแค่ 5 วัน แล้วไปสอบเลย คะแนนออกมาได้ overall 5.0 ซึ่งรู้ตัวเลยว่าไม่รอดแน่ๆ คิดว่ากลับมาเรียนที่นี่น่าจะดีที่สุด เพราะครั้งที่แล้วที่มาเรียน ภาษาอังกฤษของผมพัฒนาขึ้นมากจริงๆ

ผมเลือกสมัคร Unlimited 3 เดือน เหมือนกับครั้งที่แล้ว แต่ที่แตกต่างคือ คราวนี้ไม่ใช่เงินพ่อแม่ แต่เป็นเงินตัวเอง ผมเลยตั้งใจเรียนมากขึ้น และเน้นเรียน IELTS เป็นหลัก ผมว่าการมาเรียนที่นี่เหมือนเป็นการสะสมความรู้ไปเรื่อยๆ ช่วงแรกที่มาเรียนอาจจะรู้สึกว่าไม่ได้อะไรเท่าไหร่ แต่พอเข้าเดือนที่ 2-3 ผมสังเกตได้เลยว่าวิธีพูดหรือวิธีที่เราใช้คำจะเหมือนเจ้าของภาษามากขึ้น รู้ว่าประโยคไหนที่พูดออกไปแล้วผิด บางครั้งเราสามารถแก้ไขได้ด้วยตัวเอง แต่ก็มีบ้างที่รู้ว่าผิด แต่ไม่รู้จะแก้ให้ถูกยังไง แต่สุดท้ายแล้วอาจารย์จะคอยช่วยตลอดครับ

ผมคิดว่า ถ้าพื้นฐานดีจะเรียนแค่ IELTS อย่างเดียวก็ได้ แต่ถ้าพื้นฐานไม่ได้ดีมาก ควรเลือกเรียนแบบ Unlimited จะเหมาะกว่า เพราะข้อได้เปรียบของการเรียน Unlimited คือ มีคลาส Conversation ให้เข้าเรียนเยอะมาก ซึ่งทำให้ผมได้มีโอกาสพูดบ่อยขึ้น มันเหมือนเป็นการฝึกเอาแกรมม่าและคำศัพท์ที่เคยใช้เขียนมาพูดให้เกิดความเคยชินครับ

อีกคลาสที่ผมว่ามีประโยชน์มากๆ คือ Sentence Writing ซึ่งเราจะได้ฝึกเขียนให้ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น และรูปประโยคก็สวยขึ้นด้วยครับ

ผมว่าการเรียน Reading กับ Listening เหมือนเป็นการมาฝึกให้คุ้นเคยกับการทำข้อสอบมากกว่า จากนั้นเราต้องไปฝึกฝนต่อด้วยตัวเอง แต่ Writing กับ Speaking เป็นทักษะที่ต้องการคนช่วยตรวจ ช่วยแก้แกรมม่าและโครงสร้างประโยค เพราะถ้าให้เราแก้ประโยคเอง เราไม่มีทางหาข้อผิดพลาดเจอแน่นอน

ใช่ครับ เพราะ Writing มันยากมากจริงๆ จนทำให้ผมท้อ ช่วงแรกๆผมไม่ค่อยส่งการบ้าน ผมเคยนั่งหน้ากระดาษชั่วโมงนึง แต่เขียนได้แค่ 50-60 คำ สาเหตุเพราะผมพยายามจะเขียนให้ถูก เลยไม่กล้าเขียนเพราะกลัวผิด แต่สุดท้ายผมก็คิดได้ว่า เออ ผิดก็ผิดวะ เขียนไปเลย เพราะไหนๆก็มีอาจารย์ตรวจให้อยู่แล้ว เราจะได้รู้ว่าที่ถูกต้องควรเขียนยังไง ดีกว่าที่จะไปหลีกเลี่ยงมันครับ

ยากครับ แต่ความยากของ Speaking คือ ถ้าไม่ได้มาเรียน เราจะไม่รู้เลยว่าควรต้องตอบแบบไหนถึงจะได้คะแนนเยอะ ที่อิงลิชพาร์ค นอกจากเรียนในห้องแล้ว นักเรียนยังสามารถมาทำ Mock-Up Test รวมถึงนัดทดสอบ Speaking ได้ตลอด ซึ่งช่วยผมได้เยอะเลย ผมก็เรียนรู้จากความผิดพลาด ผมชอบตอบคำถามออกนอกเรื่อง แต่พอฝึกไปเรื่อยๆสมองจะสั่งการโดยอัตโนมัติเลยว่า ไม่ควรตอบแบบนี้นะ แต่กว่าจะคิดได้แบบนี้ก็ต้องฝึกบ่อยๆครับ

ผมเข้ามาทำ Speaking Test ทุกอาทิตย์เลยครับ ส่วน Reading กับ Listening ผมขอข้อสอบกลับไปฝึกทำที่บ้านเยอะมาก ผมว่าเกิน 30 ชุดนะ ซึ่งที่นี่มีข้อสอบให้ฝึกทำเยอะมากจริงๆ ทำเท่าไหร่ก็ไม่หมด ติดตรงไหนก็เอากลับมาถามอาจารย์ หรือไม่ก็ถามพี่ๆสต๊าฟได้เลย

เอาจริงๆ เรื่องข้อสอบ ผมว่าที่นี่มีให้ครบทุกอย่าง และค่อนข้างจะครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็นข้อสอบ IELTS, TOEIC, CU-TEP หรือ TU-GET ถ้าเราขยันจริงๆ จะขอข้อสอบเยอะแค่ไหน พี่ๆสต๊าฟเขายินดีปริ้นท์ให้อยู่แล้วครับ ไม่ต้องกลัวว่าพี่เขาจะไม่ให้ ^_^

โดยรวมแล้วพอใจครับ เพราะตอนฝึกทำข้อสอบ ผมได้คะแนนน้อยกว่านี้เยอะ ผมตกใจมากกับคะแนน Reading 7.5 และ Listening 7.0 แต่ตอนสอบผมค่อนข้างมั่นใจนะว่าทำได้ ผมฟังได้ยินชัดมากแทบทุกคำ แล้วก็อ่านได้ไวด้วย แต่แอบเจ็บใจคะแนน Speaking เหมือนกัน เพราะคำถามใน Part 2 ผมดันไปเจอคำถามเกี่ยวกับ Comic actor ซึ่งผมไม่รู้เลยว่าคำนี้หมายถึงนักแสดงตลก ผมคิดว่าเป็นคาแรกเตอร์ตัวการ์ตูน เลยเล่าเรื่องทศกัณฐ์ไป คือมันเละมากเลย 555 คิดว่านี่แหล่ะที่ทำให้ได้ 5.5

สำหรับ Writing คิดว่าที่ได้ 5.5 เพราะTask 1 เขียนได้แค่ 90 คำ ส่วน Task 2 ตอนที่เขียนเสร็จผมมั่นใจมากว่าเขียนได้ค่อนข้างดี แต่พอกลับมาถามพี่ๆสต๊าฟ กลายเป็นว่าผมเข้าใจโจทย์ผิด คือ หัวข้อกับ Supporting ideas ที่เขียนไปนี่คนละเรื่องกันเลย แต่ได้มาแค่นี้ก็ดีแล้ว ผมนึกว่าจะได้คะแนนน้อยกว่านี้ซะอีก

ผมอยากเรียนต่อสาขาพลังงานและสิ่งแวดล้อม ซึ่งดูไว้หลายที่เลยครับ แต่ส่วนใหญ่เป็นมหาวิทยาลัยในสก็อตแลนด์ อย่าง Strathclyde, Glasgow แล้วก็ Edinburgh ส่วนมหาวิทยาลัยในอังกฤษ ผมดู Leeds ไว้ด้วยเหมือนกัน ผมคุยกับ Agency ไว้ว่าจะยื่นคะแนนช่วงปลายปีนี้ครับ

ตอนแรกผมคิดแค่ว่ามาเรียน มาเอาความรู้อย่างเดียว ไม่ต้องรู้จักใครก็ได้ แต่ทุกคนที่นี่มีอัธยาศัยดีมาก พอเรียนไปสักพักก็มีเพื่อนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้การเรียนสนุกขึ้น โดยเฉพาะในคลาส Speaking เราก็ยิ่งคุยกันกับเพื่อนได้สนุกมากขึ้น ส่วนจำนวนนักเรียนในห้อง ผมว่ากำลังดี ไม่มากจนเกินไป ดูอบอุ่นดีครับ

หมายเหตุ: ผลสอบของนักเรียนอาจแตกต่างกันไปขึ้นกับพื้นฐานภาษาอังกฤษ ระยะเวลาในการเตรียมตัว และความมุ่งมั่นตั้งใจในการเตรียมสอบด้วย อย่างไรก็ตามทางอิงลิชพาร์คพร้อมดูแล และช่วยให้นักเรียนทุกคนประสบความสำเร็จในการเรียนตามเป้าหมายที่วางไว้ค่ะ