Image Not Found

Mean IELTS 7.5

ประทับใจค่ะ ที่ English Parks คนจะไม่ค่อยเยอะมาก พี่ๆ สต๊าฟก็จะรู้จักเราดี จำเราได้ คอยให้การบ้านตลอด อาจารย์ก็จะคอยดูแลเรา เช่น Writing อ.จ๋ายก็ตรวจและคอมเมนท์ให้เรารู้ตัวว่าต้องแก้ยังไง

IELTS 7.5

Listening
8.0

Reading
8.0

Writing
6.5

Speaking
7.0

บทสัมภาษณ์น้องมีน กันต์กนิษฐ์ นักเรียนคอร์ส IELTS ของอิงลิชพาร์คที่สอบ IELTS ครั้งแรกก็ได้คะแนนสูงถึง 7.5 เลย โดยคะแนนในแต่พาร์ทที่น้องมีนได้ คือ
Reading 8.0
Listening 8.0
Writing 6.5
Speaking 7.0

ถ้าอยากรู้ว่าน้องมีนมีวิธีการเตรียมตัวสอบอย่างไร ลองอ่านบทสัมภาษณ์กันได้เลยค่ะ

ตอนนี้มีเรียนม.6 อยู่ที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา สายศิลป์ญี่ปุ่นค่ะ

มีนอยากเรียนต่อที่อเมริกาค่ะ แต่ก็คงจะยื่นคะแนนที่ไทยด้วย ถ้าได้เรียนที่ไทย อาจจะเรียนที่อเมริกาช่วงป.โทแทนค่ะ มีนอยากเรียนคณะนิเทศ ซึ่งก็ต้องใช้ภาษาอังกฤษในการเขียนงานด้วย และถ้าได้ไปอเมริกาเลย แน่นอนว่ามีนก็ต้องใช้คะแนน IELTS ยื่นเข้ามหาวิทยาลัยค่ะ

ถ้าปกติเขาก็ขอคะแนนประมาณ 6.5 ค่ะ แต่ที่มีนอยากเข้าคือที่ Syracuse ที่ New York เขาบอกว่าถ้าได้ 7.5 ก็จะดีกว่า เพราะ Rank ของมหาลัยจะค่อนข้างสูง แต่มีนก็ยังไม่ตัดสินใจว่าจะเข้าที่ไหนนะคะ 555

คือพอรู้ว่าต้องใช้คะแนน IELTS มีนก็ไปหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ตเลยว่าเรียนที่ไหนดี มีนก็ไปเห็นกระทู้ที่เขาคุยกัน ก็น่าสนใจ บังเอิญว่า English Parks ก็อยู่ใกล้บ้านด้วย ติดกับตึกวรรณสรณ์ด้วย นั่ง BTS ถึงเลย ที่สำคัญราคาถูกด้วย (ฮาๆ) มีนก็ถามเพื่อนว่าเรียนที่ไหนดี เพื่อนก็บอกว่าเออที่ไหนก็ได้ สรุปที่เลือกที่ English Parks เพราะโลเคชั่นได้ ราคาก็ถูกด้วย แล้วจะรออะไร ^^

ตอนแรกก็เฉยๆ นะคะ ไม่ตื่นเต้น แต่พอใกล้วันสอบจริงมันก็ตื่นเต้นนะ เพราะกลัวตัวเองจะลนๆแล้วทำไม่ทัน พอเอาเข้าจริงก็เกือบทำไม่ทันค่ะ >< ในพาร์ท Reading คือแบบว่าที่มีนได้ข้อสอบจากพี่ๆ สต๊าฟไป มีนก็ทำเรื่อยๆ ไง ไม่ค่อยจับเวลา คือทำให้เสร็จก็โอเค แต่พอทำจริงๆ มันมี 3 เรื่องให้อ่านใช่ปะคะ มันควรจะแบ่งเวลาแบบเฉลี่ยๆ เรื่องละ 20 นาทีแต่มีนก็แบบว่าเรื่องแรกก็ใช้เวลาเกินไป 3 นาที เรื่องที่ 2 ก็เกินอีก 3 นาที สรุปเรื่องสุดท้ายมีนมีเวลาแค่ 10 นาทีนิดๆ แบบเขียนข้อสุดท้ายเสร็จก็วางปากกาเลยค่ะ แต่พาร์ทอื่นก็ไม่มีปัญหาอะไร ส่วน Writing มีนก็ทำใจไว้ละ ว่ามันเป็นจุดอ่อนของเราเลย ก็เลยแบบว่าเต็มที่ละก็ได้แค่นี้แหละ

ก็เหนื่อยนะคะ 555 คือมีนก็รู้ตัวนะว่า Writing เราอ่ะเข็นไม่ค่อยจะขึ้น ก็เลยกะว่าจะทำพาร์ทอื่นให้ดี คะแนนจะได้ฉุดขึ้นมา อย่าง Reading มีนก็จะเอาข้อสอบจากที่ English Parks ไปฝึกทำเยอะๆ ช่วงว่างๆ มีนก็ฝึกทำข้อสอบจากหนังสือด้วย

มีส่วนช่วยมากๆ เลยค่ะ เพราะเวลาที่มีนมาเรียนอย่าง Reading มีนก็ได้เทคนิคจากอ.จ๋ายไปเยอะว่าจะทำให้เร็วขึ้นได้ยังไง ครูเขาจะคอยสอนให้เราให้หา Keyword เพราะเราต้องทำเร็วๆ ไม่งั้นก็ไม่ทัน แทนที่จะมานั่งอ่านทั้งหมด ส่วน Listening เราก็ได้ฝึกทำจริงๆ ถ้าข้อไหนไม่ทันครูเขาก็จะพยายามบอกว่าให้ผ่านไปอย่าไปกังวลกับมัน เดี๋ยวจะลนๆ ทีหลัง ก็คือสอนวิธีแก้ปัญหาเวลาที่เราทำไม่ทัน

ส่วนWriting สำคัญสุดเลยค่ะ เพราะถ้ามีนไม่ได้เรียนและไม่ได้ฝึกเขียนกับอ.จ๋ายนะ มีนว่ามันไม่น่าจะถึง 6.5 นะ คือเมื่อก่อนถ้าให้มีนเขียน อย่าง Task 1 มีนก็เขียนไปเรื่อยนะ คือเราก็ไม่รู้ว่าจะดูพวกการฟแล้วอธิบายยังไง อ.จ๋ายก็จะสอนให้อ่านตีความข้อสอบ รวมถึงการเลือกใช้คำศัพท์ที่จะใช้ดึงคะแนนขึ้นมาซึ่งเป็นคำศัพท์ที่ไม่รู้มาก่อน ส่วน Task 2 อาจารย์จ๋ายก็จะสอนให้เราฝึกคิดว่าจะตอบคำถามนี่ยังไงให้ได้คะแนนเยอะๆ เช่นเขาถามข้อดีข้อเสีย หรือให้อธิบายทั้งคู่ เราก็ต้องอ่านโจทย์ดีๆ ว่าเขาต้องการอะไร อย่างมีนมาเรียนที่ English Parks มีนต้องเขียนเยอะมากๆๆๆๆ เขียนจนแบบว่าพอไปเรียนที่โรงเรียนเนี้ย เขาให้เขียนอะไรมีนก็เขียนได้หมด (ฮาๆๆ) เพราะเวลามาเรียนที่ English Parks เวลาเราส่งงานเขียน อาจารย์จ๋ายก็ตรวจให้คะแนนเหมือน IELTS เลย เราก็จะรู้เลยว่าเราได้คะแนนเท่าไหร่ ทำให้รู้พัฒนาการตัวเอง

มีนว่า Reading กับ Writing ค่ะ โดยเฉพาะ Writing น่าจะพัฒนาเยอะสุด เพราะปกติเวลามีเขียนเรียงความ มีนไม่เคยสนใจพวกโครงสร้าง ไม่มีคำนำ เนื้อเรื่อง สรุป อยากเขียนก็เขียนเลย ไม่มีการวางแผน แต่พอมาเรียนมีนก็ต้อง Brainstorm ก่อนและก็เขียนเป็นระบบมากขึ้น อย่างเมื่อก่อนเวลามีนเขียนก็จะใช้ภาษาพูดเขียน ไม่ค่อยได้ใช้ Grammar สวยๆ แต่มาเรียนก็แอบโดนอาจารย์ดุนิดนึง มีนว่า Writing เป็นสิ่งที่ควรมาเรียนที่สุดค่ะ เพราะเวลาเราฝึกเองเราก็ว่าเราเขียนดีนะ แต่ความจริงมันไม่ใช่ 5555 Writing นอกจากจะเอาไปสอบแล้ว เราเอาไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ด้วย อย่างมีนพอมาเรียนที่ English Parks แล้วเวลามีนมีเรียงความที่โรงเรียนมีนก็เขียนเร็วขึ้น เร็วกว่าเพื่อนในห้อง Grammar ของเราก็ดีขึ้น

ประทับใจค่ะ ที่ English Parks คนจะไม่ค่อยเยอะมาก พี่ๆ สต๊าฟก็จะรู้จักเราดี จำเราได้ คอยให้การบ้านตลอด อาจารย์ก็จะคอยดูแลเรา เช่น Writing อ.จ๋ายก็ตรวจและคอมเมนท์ให้เรารู้ตัวว่าต้องแก้ยังไง เวลามาฝึกทำข้อสอบ เราก็จะรู้คะแนนเลยว่าเราได้คะแนนเท่าไหร่แล้ว ส่วน Speaking เราก็ได้เรียนกับครูฝรั่ง เขาก็คอยเอาใจใส่เรา คอยแก้ให้ บอกเราด้วยว่าพูดแบบไหนถึงจะได้คะแนน อย่างมีนเป็นคนที่พูดเร็วมาก อาจารย์ก็จะคอยบอกว่าค่อยๆ ตั้งสติ ไม่ใช่พูดเยอะๆ แล้วไม่มีสาระ 5555

ในคอร์ส IELTS มีนได้เรียนจริงๆกับอาจารย์ 2 คน คืออ.จ๋ายที่สอน Reading, Listening กับ Writing และTeacher Jason ที่สอน Speaking ก็ประทับใจทั้งคู่ค่ะ โดยเฉพาะอ. จ๋าย พาร์ท Writing นี่มีนต้องกราบไหว้เลย 5555 อย่างที่มีนบอกค่ะ ถ้ามีนไม่ได้มาเรียนคงไม่ได้ 6.5 ค่ะ น่าจะได้แค่ 5-5.5 ส่วน Teacher Jason กับอาจารย์นิกกี้ ก็จะคอยบอกเทคนิคเวลาที่เราพูดตลอดค่ะ

มีนว่าควรฝึกทำ Reading กับ Listening ให้เยอะๆ เพราะมันได้คะแนนง่ายกว่า Writing เพราะว่ามันมีข้อถูกที่ตายตัว พอทำไปซักพักเราจะเริ่มจับทางได้ว่าคำถามมันถามอะไร มันก็คล้ายๆกัน แค่เปลี่ยน Passage ไปเรื่อยๆ ค่ะ คือต้องรู้ก่อนว่าจุดแข็งของเราอยู่ตรงไหน แล้วพัฒนาให้มันดีขึ้น ส่วนที่เป็นจุดอ่อนก็ไม่ควรทิ้งก็ควรพัฒนาด้วยค่ะin emoticon

หลังจากอ่าน testimonial ตรงนี้แล้ว ทางโรงเรียนหวังว่าน้อง ๆ จะเกิดแรงบันดาลใจ มุ่งมั่นในการทำความฝันของตัวเองให้สำเร็จกันนะคะ ^_^

หมายเหตุ: ผลสอบของนักเรียนอาจแตกต่างกันไปขึ้นกับพื้นฐานภาษาอังกฤษ ระยะเวลาในการเตรียมตัว และความมุ่งมั่นตั้งใจในการเตรียมสอบด้วย อย่างไรก็ตามทางอิงลิชพาร์คพร้อมดูแล และช่วยให้นักเรียนทุกคนประสบความสำเร็จในการเรียนตามเป้าหมายที่วางไว้ค่ะ