Image Not Found

Nut IELTS 7.0

อาจารย์สอนดีมาก และมีเทคนิคดีๆ ที่ช่วยในการทำข้อสอบเยอะมาก จากที่เคยใช้เวลาทั้งวันในการเขียน Writing Task เดียว แต่ตอนนี้นัทเขียนเสร็จทั้ง 2 Task ภายใน 1 ชม.

IELTS 7.0

Listening
8.5

Reading
8.0

Writing
5.5

Speaking
5.5

“น้องนัท นภัสสร ประสูตร์” สาวน้อยชั้น ม.6 จาก โรงเรียนสตรีวิทยา 3 และยังเป็นแฟนเพลงเกาหลีตัวยง ถึงขนาดวางแผนจะขอทุนไปเรียนต่อ ป.ตรี ที่เกาหลีกันเลยทีเดียว แต่กติกาในการขอทุน คือ ต้องยื่นคะแนนสอบ IELTS ด้วยเหตุนี้ทำให้น้องนัทตัดสินใจมาเรียนคอร์ส IELTS ที่ English Parks เพื่อตามความฝันเดินทางสู่แดนกิมจิ ล่าสุดความขยันทำให้น้องนัทได้ยิ้มกว้างเต็มที่กับผลคะแนนสอบ IELTS 7.0 ค่ะ

ต้นเดือนตุลาคมนี้ นัทจะยื่นขอทุนรัฐบาลเกาหลี KGSP ซึ่งยากมากเพราะมีให้นักเรียนไทยแค่ 2 ทุนเท่านั้น แล้วปีหน้าก็จะสมัครยื่นขอทุนที่มหาวิทยาลัยสตรีอีฮวา (Ewha Womans University) ที่เกาหลีเหมือนกันค่ะ

ชอบมากค่ะ เพราะเคยไปเที่ยวมาแล้ว ซึ่งนัทชอบบรรยากาศที่นั่นมาก อีกสาเหตุคือ นัทชอบนักร้องเกาหลีค่ะ 555 ก่อนหน้านี้ฟังแต่เพลงเกาหลี เพิ่งมาเริ่มฟังเพลงภาษาอังกฤษก็ตอนที่ต้องสอบ IELTS นี่แหล่ะค่ะ แต่ว่าการฟังเพลงภาษาอังกฤษช่วยเรื่องการออกเสียงของนัทมากเลยนะคะ บางคำศัพท์ที่ไม่เคยรู้เลยว่าออกเสียงยังไง พอได้ฟังบ่อย ๆ เข้าก็เริ่มคุ้นหู ซึ่งช่วยให้เราออกเสียงได้ถูกต้องมากขึ้นค่ะ

ก่อนจะไปสอบ นัทฝึกทำข้อสอบประมาณ 20 – 30 ชุดค่ะ แต่ว่าตอนที่ออกมาจากห้องสอบ คิดว่าตัวเองได้คะแนน Overall ไม่เกิน 6.0 แน่ ๆ เพราะทำข้อสอบ Writing ไม่ทัน แต่พอคะแนนออกมาก็อึ้งเลย เพราะไม่คิดว่าจะได้เยอะขนาดนี้ ตอนที่ประกาศผลสอบนัทกำลังเรียนพละอยู่ พอเปิดดูคะแนนก็กรี๊ดเลย เพื่อนๆดีใจกันใหญ่

คิดว่าที่สอบ Writing ได้แค่ 5.5 เพราะเป็นทักษะที่นัทอ่อนที่สุด แถมไม่มีไอเดียที่จะเขียนด้วย อีกอย่างที่โรงเรียนของนัทก็เรียนแต่ Grammar ไม่เคยฝึกเขียนเลย มาเริ่มฝึก Writing ก็ตอนเรียนที่อิงลิชพาร์คนี่แหละค่ะ ตอนสอบจริงนัทพยายามทำตามเทคนิคที่อาจารย์สอนนะคะ ว่า เวลาเขียนเราต้องมีเรื่องราว ต้องมีไอเดีย และเลือกใช้คำศัพท์ที่เป็น Academic Vocabulary รวมถึงควรใช้คำ Synonym อย่าใช้คำศัพท์เดิม ๆ ซ้ำไปซ้ำมา แต่สรุปคือ เขียน Task 2 ไม่ทัน เนื่องจากบริหารเวลาไม่ดี แถมระหว่างที่สอบก็ออกไปเข้าห้องน้ำอีกเพราะทนไม่ไหวจริงๆ แล้วกว่าจะต่อคิวสแกนนิ้วกลับเข้าห้องสอบก็ใช้เวลานานมาก ถ้านัทไม่ออกไปคงเขียนเสร็จทันเวลา นี่แอบเจ็บใจเบาๆ 555

ส่วน Speaking นัทพลาดที่ Part 2 เพราะพูดจบเร็วเกินไปค่ะ Examiner ถามว่า เมื่อเร็วๆ นี้คุณมีการเปลี่ยนแปลงเรื่องอะไรบ้าง ซึ่งนัทคิดไม่ออกเลยว่าจะต้องตอบยังไงดี เพราะตัวเองไม่มีประสบการณ์เรื่องนี้ด้วยค่ะ

ก่อนไปสอบ นัทฝึกทำข้อสอบที่อิงลิชพาร์คทุกวันค่ะ ขณะที่เวลาสอบต้องตั้งสติให้ดี และจับ Keyword ให้ได้ ระหว่างที่ฟัง Listening นัทไม่ได้จดลงกระดาษนะคะ แต่พยายามจำข้อมูลให้ได้ทั้งหมด แล้วค่อยทำข้อสอบทีเดียว

ก็ไม่ได้ดีมากอะไรค่ะ แต่คิดว่าเป็นเพราะได้อาจารย์ที่นี่คอยติวเข้ม บวกกับการค่อยๆ เก็บเล็กผสมน้อยฝึกทำ Mock Test เยอะๆ เลยทำให้ได้คะแนนดีค่ะ ก่อนหน้านี้ที่ทำ Mock Test นัทได้คะแนนรวมแค่ 6.0 เอง สาเหตุเพราะเวลาเขียนก็ตกตัว s ไปบ้าง หรือเขียนเว้นวรรคคำผิด แต่การฝึกทำข้อสอบจากหนังสือของ Cambridge ที่พี่ๆ staff ที่ English Parks เอามาให้ฝึกทำเรื่อยๆ นั้น มีส่วนช่วยเยอะมากๆ ซึ่งนัทคิดว่าใกล้เคียงกับข้อสอบจริงมากที่สุดค่ะ

นัทไม่ได้รู้คำศัพท์ทั้งหมดนะคะ แต่เน้นจับใจความเอา แล้วสังเกตพวกหน้าที่ของคำในแต่ละประโยค เช่น ข้อนี้ควรต้องเติม Noun, Verb, Adjective หรือ Adverb เพราะอย่างน้อยถ้าอ่าน Passage แล้วแปลคำศัพท์ไม่ออก ก็ยังพอเลือกคำมาเติมได้ ซึ่งเทคนิคนี้ได้มาจากอาจารย์บิวอีกเช่นกันค่ะ

ก่อนหน้านี้นัทรู้แค่ว่า ถ้าจะยื่นขอทุนเรียนต่อต้องสอบ TOEFL หรือไม่ก็ IELTS แค่เคยได้ยินชื่อนะคะ แต่ไม่รู้ว่าการสอบทั้ง 2 แบบคืออะไร เหมือนหรือต่างกันยังไง สุดท้ายก็เลือกสอบ IELTS แล้วกัน

บ้านนัทอยู่แถวนี้ค่ะ ก่อนจะมาที่นี่ก็ลิสต์รายชื่อไว้หมดเลยว่า ที่เซ็นทรัลปิ่นเกล้าเนี่ย มีที่ไหนสอน IETLS บ้าง จากนั้นก็เข้าไปสอบถามข้อมูลด้วยตัวเอง ปรากฏว่า ทุกที่พูดกับนัทเหมือนกันหมดเลยว่า ถ้ามีเวลาเรียนแค่ 3 เดือน คงไม่ทันแน่นอน เหมือนปฏิเสธโดยที่ไม่ถามเลยว่า นัทอยากได้คะแนนเท่าไหร่

ส่วนที่ English Parks เป็นที่สุดท้ายที่เดินเข้ามาถาม ซึ่งนัทเห็นป้ายโฆษณาอยู่ในลิฟท์ ครั้งแรกที่เข้ามา พี่ๆ staff ให้คำแนะนำดีมาก และถามก่อนเลยว่า นัทอยากได้คะแนนเท่าไหร่ นัทเลยบอกว่า ได้ 5.5 ก็ผ่านเกณฑ์แล้วค่ะ แต่พี่ Staff บอกว่า ดูจากผล Pre-Test แล้ว พื้นฐานนัทไม่ได้แย่มาก ถ้ามาเรียนสม่ำเสมอน่าจะได้คะแนนดีกว่านี้ด้วยซ้ำ ยิ่งไปกว่านั้นค่าเรียนไม่แพงด้วย คิดแล้วว่าคุ้มแน่ ๆ 555 สุดท้ายเลยตัดสินใจเรียนที่นี่ค่ะ

เรื่องแรกเลยคือ อาจารย์ค่ะ อาจารย์สอนดีมาก และมีเทคนิคดี ๆ ที่ช่วยในการทำข้อสอบเยอะมาก จากที่เคยใช้เวลาทั้งวันในการเขียน Writing แค่ Task เดียว แต่ตอนนี้นัทเขียนเสร็จทั้ง 2 Task ภายใน 1 ชม. ส่วนคลาส IELTS Speaking อาจารย์ Greg นักเรียนจะได้จับสลากเลือกหัวข้อที่จะพูด แล้ว Greg ก็อัดเสียงของทุกคนไว้เพื่อที่จะเช็คว่าใครพูดผิดตรงไหน ถ้าประโยคไหนเราพูดไม่เคลียร์ Greg จะให้เราอธิบายเป็นภาษาไทย แล้วค่อยแปลเป็นภาษาอังกฤษที่ถูกต้องให้ นอกจากนี้ Greg จะเน้นสอนพูดให้เป็นธรรมชาติ ซึ่งช่วยในการสอบได้มากค่ะ

ทุกครั้งที่มาเรียน พอเปิดประตูเข้ามาปุ๊บ นอกจากพี่ๆStaff จะพูดทักทายตามปกติแล้ว ก็ต่อด้วยการทวงการบ้านนัททันทีเลยค่ะ เป็นเหตุให้ต้องส่งการบ้านทุกอาทิตย์ 555 คือ ชอบตรงที่พี่ๆใส่ใจนักเรียนทุกคน คอยตามผล คอยทวงการบ้าน และเรียกเข้ามาทำ Mock Test ตลอดค่ะ

คืนก่อนสอบต้องรีบนอนและพักผ่อนให้เพียงพอนะคะ ระวังอย่าให้ป่วยวันสอบเด็ดขาด ถ้าให้ดีเตรียมเสื้อกันหนาวไปด้วยเพราะว่าแอร์เย็นมาก บริหารเวลาดีๆถ้าจำเป็นจะต้องออกไปเข้าห้องน้ำระหว่างสอบ และเวลาที่ทำข้อสอบต้องไม่ประมาท โดยเฉพาะพาร์ท Writing ให้ระวังเรื่องลายมือ ต้องเขียนตัวบรรจงให้อ่านง่าย ๆ นอกนั้นเป็นเรื่องไอเดียที่จะเขียน โดยแบ่งตามลำดับหัวข้อจะได้ไม่สับสน ระวังอย่าใช้คำศัพท์ซ้ำ ๆ และต้องเขียนโครงสร้างประโยคสวย ๆ ซึ่งจะช่วยให้เราได้คะแนนดีค่ะ ^__^

หมายเหตุ: ผลสอบของนักเรียนอาจแตกต่างกันไปขึ้นกับพื้นฐานภาษาอังกฤษ ระยะเวลาในการเตรียมตัว และความมุ่งมั่นตั้งใจในการเตรียมสอบด้วย อย่างไรก็ตามทางอิงลิชพาร์คพร้อมดูแล และช่วยให้นักเรียนทุกคนประสบความสำเร็จในการเรียนตามเป้าหมายที่วางไว้ค่ะ