CEFR คืออะไร ใช้วัดระดับความสามารถทางภาษาได้อย่างไร?

CEFR คือ

หลายคนที่เคยเรียนภาษาอังกฤษคงเคยได้ยินมาบ้างแล้วว่า CEFR คือสิ่งที่ช่วยให้ทราบถึงระดับความรู้ทางภาษาของตัวเองได้เห็นภาพชัดเจนมากขึ้น เพราะ CEFR แต่ละ Lever คือสิ่งที่สามารถบอกได้ถึงทักษะความรู้ทางภาษาของผู้เรียนได้ อีกทั้งการทดสอบเพื่อวัดระดับ CEFR ยังคือใบเบิกทางให้กับการเรียนต่อในต่างประเทศ หรือโอกาสก้าวหน้าในการทำงานอีกด้วย แต่สำหรับใครที่ยังไม่เข้าใจว่า CEFR แปลว่าอะไร สำคัญอย่างไร ใครที่อยากเก่งภาษาอังกฤษเพื่อไปพิชิตระดับ CEFR มาหาคำตอบกันได้ในบทความนี้เลย!


CEFR คืออะไร?

CEFR อ่านว่า

CEFR ย่อมาจาก Common European Framework of Reference for Languages ซึ่ง CEFR หมายถึงกรอบที่ใช้อ้างอิงด้านภาษาของยุโรปตามมาตรฐานสากล เพื่อใช้อธิบายความสามารถทางภาษาจากทักษะการฟัง พูด อ่านและเขียน โดยการวัดระดับ CEFR แบ่งเป็น 6 ระดับคือเริ่มต้นที่ A1 และสูงสุดคือ C2 การหาความรู้เพิ่มเติมจากโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษ เป็นอีกวิธีที่ช่วยเพิ่มศักยภาพทางภาษาเพื่อช่วยให้ผู้เรียนมีโอกาสอยู่ในระดับ CEFR ที่สูงขึ้นได้


ระดับ CEFR เหมาะกับใคร ใช้ประโยชน์ด้านไหนได้บ้าง?

การวัดระดับ CEFR คือสิ่งที่สามารถทำได้ทุกคน แต่ผลของระดับที่ได้นั้นขึ้นอยู่กับว่าจะนำไปใช้ประโยชน์ในด้านไหน เนื่องจากระดับ CEFR คือสิ่งที่ช่วยบอกได้ว่ามีความสามารถทางด้านภาษาในระดับใด และมีเข้าใจในทักษะทางภาษาด้านใดบ้าง ซึ่งการทดสอบเพื่อหาเกณฑ์ CEFR คือใบเบิกทางสำหรับหลาย ๆ คนได้ เพราะนำไปใช้ยื่นสมัครเรียนต่อในต่างประเทศ หรือเพื่อโอกาสในการเข้าทำงานในองค์กรที่ต้องใช้ภาษา นี่คือสิ่งที่หลายคนให้ความสำคัญกับการวัดระดับ CEFR


ระดับของ CEFR ทั้ง 6 ระดับ มีอะไรบ้าง?

การทดสอบ CEFR คือ

ตามที่ได้เกริ่นไปตอนต้นแล้วว่า CEFR มีทั้งหมด 6 ระดับ ตั้งแต่ A1 ไปจนถึง C2 โดยแต่ละระดับจะอธิบายถึงประสิทธิภาพในการด้านการใช้ภาษา โดยความหมายของแต่ละระดับมีดังนี้

A1-Beginner

CEFR ระดับนี้คือระดับที่บ่งบอกถึงทักษะการใช้ภาษาในระดับพื้นฐาน ด้วยการพูดคุยจากประโยคง่าย ๆ ไม่ซับซ้อน หรือมีการสื่อสารด้วยคำศัพท์ที่มีความเรียบง่าย คำที่คุ้นเคยและใช้สำหรับสื่อสารในชีวิตประจำวันทั่วไปได้ ทั้งการแนะนำตัวเอง ตอบคำถามส่วนบุคคล เช่น เรื่องเกี่ยวกับคนรู้จัก ที่อยู่อาศัย รวมถึงการโต้ตอบกับผู้อื่นเป็นประโยคสั้น ๆ ได้หากเป็นการสื่อสารด้วยการพูดอย่างช้า ๆ และเน้นคำที่ชัดเจน

A2-Elementary

CEFR A2 คือระดับที่ผู้ทดสอบมีความเข้าใจในเรื่องของประโยค และสำนวนที่มีการใช้เป็นประจำ รวมทั้งคำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งของรอบตัวที่มีความคุ้นเคย การพูดโต้ตอบสื่อสารเรื่องง่าย ๆ ที่นอกจากจะมีเรื่องชีวิตประจำวันแล้ว ยังสามารถพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องที่ไม่ซับซ้อนจากกิจวัตรประจำวัน บรรยายเรื่องเพื่อนและครอบครัว วางแผนเที่ยวระดับเบื้องต้น และเริ่มสร้างบทสนทนาที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อที่มีความคุ้นเคยได้มากขึ้น

B1-Intermediate

CEFR B1 คือระดับที่มีทักษะการสื่อสารด้านภาษาอังกฤษด้วยการแสดงอารมณ์ร่วมกับประโยคสนทนาได้ สามารถอธิบายเกี่ยวกับเพลงหรือภาพยนตร์ที่ชื่นชอบได้ โต้ตอบด้วยการแสดงความไม่เห็นด้วย รับมือกับสถานการณ์ส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นจากการท่องเที่ยวได้ หัวข้อที่หยิบมาสนทนาเริ่มมีความซับซ้อนมากขึ้น อธิบายและให้เหตุผลเกี่ยวกับความคิดเห็นของตัวเองอย่างตรงไปตรงมาได้

B2-Upper Intermediate

สำหรับ CEFR ระดับ B2 คือระดับที่สามารถสื่อสารทางภาษาอังกฤษได้ดีและมีประสิทธิภาพด้วยบริบทในการสื่อสารที่แตกต่าง และมีความหลากหลาย อธิบายได้ถึงประเด็นที่สำคัญโดยเข้าใจในรายละเอียดของเนื้อหานั้น ๆ สามารถที่จะมีส่วนร่วมกับบทสนทนาได้ทั้งหัวข้อใหม่ ๆ และหัวข้อที่คุ้นเคยไปจนถึงการเขียนบรรยายเรื่องราวได้สั้น ๆ แต่สื่อสารได้ถูกหลักการเขียน

C1-Advanced

CEFR ระดับ C1 คือ ระดับที่มีความเข้าใจสื่อสารได้ด้วยทักษะที่มีความซับซ้อนทางภาษาได้ เลือกหัวข้อสำหรับการสนทนาได้หลากหลาย และมีการใช้ภาษาอังกฤษอย่างมีประสิทธิภาพลื่นไหล มีความแม่นยำในเรื่องของคำศัพท์ การสื่อสาร โครงสร้างทางภาษามีความชัดเจน คล่องแคล่วไม่มีความลังเล เนื้อหาที่สื่อสารมีหลายประเด็น และเขียนบทความที่มีความยาวของเนื้อหา รวมทั้งการใช้คำที่สละสลวยในแบบภาษาเขียนพร้อมแสดงความคิดเห็นได้อย่างมีเหตุผล

C2-Proficient

สำหรับระดับ CEFR C2 คือ ระดับสูงสุดที่อธิบายได้ว่ามีความเชี่ยวชาญทางภาษาทั้งการฟังและการอ่าน เข้าใจเนื้อหาของบทความ โครงสร้างที่มีไวยากรณ์ซับซ้อน อ่านและเขียนวรรณกรรมได้ สรุปเนื้อหาและข้อมูลจากเนื้อหาต่าง ๆ พร้อมให้ความเห็นในเชิงโต้แย้งได้อย่างสอดคล้อง สื่อสารได้ในหัวข้อที่ซับซ้อน แยกคำและความหมายที่ใกล้เคียงได้โดยอิงจากสถานการณ์ แม้มีความซับซ้อนก็สามารถสื่อสารได้อย่างไม่ลังเล


CEFR มีเกณฑ์เทียบคะแนนวัดผลอย่างไร?

แม้เป็นการวัดระดับเกณฑ์ของ CEFR แต่ด้วยบริบทจริง ๆ แล้วมันคือการทดสอบเพื่อวัดระดับความเข้าใจทางภาษาเท่านั้น จึงไม่ได้มีข้อสอบที่ใช้ชื่อว่า CEFR โดยตรง และการให้คะแนนเพื่อวัดระดับ CEFR คือการเทียบเกณฑ์คะแนนจากการสอบแบบต่าง ๆ โดยจะยึดเกณฑ์จากทักษะการฟัง พูด อ่าน เขียน และส่วนใหญ่จะเทียบเกณฑ์คะแนนจาก TOEIC, IELTS และ TOEFL กันเป็นอันดับต้น ๆ โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

TOEIC

TOEIC คือ การสอบทักษะทางภาษาอังกฤษที่นิยมสอบกันจะมี 2 พาร์ทด้วยกัน คือ Listening, Reading โดยการวัดผลทางคะแนนการสอบ TOEIC เพื่อเทียบเท่ากับระดับ CEFR คือ หากต้องการอยู่ในระดับ B1 คะแนน TOEIC ที่ได้ต้องอยู่ระหว่าง 550-785 คะแนน หรือหากต้องการอยู่ระดับ C1-C2 ต้องทำคะแนนการสอบ TOEIC ให้ได้ตั้งแต่ 945 คะแนนขึ้นไป

TOEFL

TOEFL คือการสอบความสามารถทางภาษาอังกฤษ ที่เป็นไปตามแบบอเมริกัน โดยมีการสอบทักษะทั้ง 4 ด้าน ฟัง พูด อ่าน และเขียน การวัดผลระดับ CEFR จากคะแนน TOEFL หากอยู่ในระดับ B1 ผู้สอบจะต้องมีคะแนนอยู่ที่ประมาณ 35-53 คะแนน หรือหากเป็นระดับ C1-C2 ของ CEFR คือต้องมีคะแนนสอบ TERFL ตั้งแต่ 94-101 คะแนนเท่านั้น

IELTS

สำหรับการสอบ IELTS คือการทดสอบทักษะทางภาษาอังกฤษเช่นเดียวกัน โดยเป็นการทดสอบทางภาษาที่ประกอบด้วย 4 ทักษะ ฟัง พูด อ่าน เขียน และเป็นการสอบที่สามารถนำคะแนนไปใช้สำหรับการเรียนต่อ หรือทำงานในต่างประเทศได้ โดยเกณฑ์ของการให้คะแนนเพื่อวัดระดับ CEFR คือ ระดับ B1 เทียบเท่ากับคะแนน IELTS ได้ที่ 4.0-5.0 หรือหากเป็นระดับ C1-C2 ต้องเทียบเท่าที่คะแนน 6.5-7.0 ขึ้นไป


เกณฑ์การวัดระดับ CEFR ตามมาตรฐานการอุดมศึกษา

ระดับ CEFR คือ

การวัดระดับ CEFR เริ่มมีความสำคัญมากขึ้น เนื่องจากปัจจุบันมีประกาศตามมาตรฐานการอุดมศึกษาแนะนำให้แต่ละสถาบันมีการจัดสอบวัดระดับภาษาอังกฤษก่อนเรียนจบ เพื่อนำผลคะแนนไปเทียบวัดระดับ CEFR โดยมีรายละเอียดการวัดผลในแต่ละระดับดังต่อไปนี้

ระดับอนุปริญญา 

คะแนน CEFR ควรอยู่ในระดับ B1 ขึ้นไป หรือเทียบคะแนนการสอบ

  • TOEIC (Listening) 275 ขึ้นไป
  • TOEIC (Reading) 275 ขึ้นไป
  • IELTS 4.5 ขึ้นไป

ระดับปริญญาตรี

คะแนน CEFR ควรอยู่ในระดับ B2 ขึ้นไป หรือเทียบคะแนนการสอบ 

  • TOEIC (Listening) 400 ขึ้นไป
  • TOEIC (Reading) 385 ขึ้นไป
  • IELTS 5.5 ขึ้นไป

ระดับบัณฑิตศึกษา

คะแนน CEFR ควรอยู่ในระดับ C1 ขึ้นไป หรือเทียบคะแนนการสอบ ดังนี้ 

  • TOEIC (Listening) 490 ขึ้นไป
  • TOEIC (Reading) 455 ขึ้นไป
  • IELTS 7.0 ขึ้นไป

เรียกได้ว่าคะแนนของ TOEIC และ IELTS นั้นช่วยให้ผู้สอบได้รู้ถึงระดับ CEFR ของตัวเองได้มากขึ้น การหาความรู้เพิ่มเติมเช่นการเรียน IELTS หรือ TOEIC ก็จะช่วยให้ผู้สอบได้ปูพื้นฐานทักษะทางภาษา และเตรียมตัวสำหรับการเข้าสอบได้อย่างมั่นใจ เพื่อโอกาสในการทำคะแนนให้ออกมาดีที่สุด


เพิ่มโอกาสทำระดับ CEFR ด้วยหลักสูตรติวเข้ม IELTS และ TOEIC ที่ Englishparks

เมื่อ CEFR คือ เกณฑ์ช่วยวัดระดับทักษะทางภาษาออกมาเป็น Level ที่บ่งบอกถึงความถนัดทางภาษาได้ สิ่งสำคัญที่จะช่วยเพิ่มโอกาสให้ได้ระดับที่ต้องการคือการ ลงสนามสอบ TOEIC หรือ IELTS ให้ได้คะแนนดีที่สุด ซึ่งจะช่วยประเมินได้ว่าผู้สอบมีความสามารถในทักษะทางภาษาอังกฤษระดับใด หรือมีความถนัดในเรื่องไหนมากที่สุดการลงทุนกับความรู้ในคอร์สติว TOEIC คือวิธีช่วยสร้างพื้นฐานทางภาษาได้ดีที่สุด โดยเฉพาะการเรียนภาษาอังกฤษกับสถาบันที่มีหลักสูตรการเรียนการสอนที่เข้มข้นอย่างเช่นที่ Englishparks

สถาบันสอนภาษา Englishparks มีคอร์สเรียนภาษาอังกฤษที่มาพร้อมหลักสูตรการสอนที่เข้มข้นและครอบคลุมทั้ง 4 ทักษะหลัก ฟัง พูด อ่าน และเขียน โดยแยกเป็นการสอนแบบคอร์สติวเข้มเพื่อเตรียมสอบวัดความรู้ภาษาอังกฤษ, คอร์สภาษาอังกฤษช่วยปูพื้นฐานทางด้านภาษาอังกฤษ, คอร์สเรียนภาษาอังกฤษแบบตัวต่อตัว และคอร์สเรียนภาษาอังกฤษ Unlimited English ที่ผู้เรียนสามารถเรียนกับเจ้าของภาษาได้แบบไม่จำกัดชั่วโมงเรียน ทั้งวางแผนวันและเวลาเรียนที่สะดวกได้เอง 

สำหรับคอร์สติวสอบ IELTS และ TOEIC ที่เน้นการติวสอบภาษาอังกฤษโดยเฉพาะ ด้วยการออกแบบคอร์สเรียนเพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสู่ระดับมหาวิทยาลัย เรียนต่อต่างประเทศ และหลักสูตรนานาชาติ จะช่วยให้ผู้เรียนได้สร้างพื้นฐานภาษาอังกฤษที่แข็งแรงและเพิ่มโอกาสสำหรับการเข้าถึงระดับ C2-Proficient ของ CEFR


สรุป CEFR คืออะไร มีประโยชน์อย่างไร

จากข้อมูลทั้งหมด สรุปได้ว่า CEFR คือเกณฑ์วัดระดับทักษะทางภาษาโดยไม่ได้มีข้อสอบที่เฉพาะเจาะจง แต่เป็นการเทียบเกณฑ์จากคะแนนสอบของข้อสอบภาษาอังกฤษตามมาตรฐาน เช่น ข้อสอบ TOEFL, TOEIC และ IELTS ซึ่งระดับ CEFR ที่ได้สามารถใช้สำหรับการเรียนต่อ การทำงาน ที่จะช่วยเพิ่มโอกาสสำคัญในอนาคตได้ ดังนั้นการลงเรียนคอร์สเรียนภาษาเพื่อเสริมความแข็งแรงให้กับรากฐานทางภาษาจึงเป็นตัวช่วยเพิ่มโอกาสอยู่ในระดับที่ดีได้
สำหรับผู้ที่สนใจคอร์สเรียนที่ Englishparks เพื่อติวเข้มเตรียมความพร้อมสอบ IELTS และ TOEIC สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับคอร์สเรียนได้ที่ https://englishparks.in.th/contact/