PTE คืออะไร? สอบวัดผลด้านไหน เหมาะกับใคร แล้วใช้ยื่นอะไรได้บ้าง

PTE

PTE คือ การสอบวัดระดับทักษะภาษาอังกฤษ ที่สามารถใช้ยื่นขอทุนเรียนต่อต่างประเทศ สมัครงาน ขอวีซ่า หรือย้ายถิ่นฐานอาศัยในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักได้ ซึ่งการสอบ PTE เป็นที่รู้จักในหลาย ๆ ประเทศ แต่คนไทยอาจจะไม่คุ้นเคยกับ PTE สักเท่าไหร่ ในบทความนี้ จะพาไปทำความรู้จักกับ PTE และเจาะลึกรายละเอียดที่ควรรู้เกี่ยวกับ PTE Exam เพื่อเป็นหนึ่งในตัวเลือกสอบวัดระดับภาษาอังกฤษในอนาคต


การสอบ PTE คืออะไร?

PTE คือ

PTE ย่อมาจาก Pearson Test of English คือ การสอบวัดระดับภาษาอังกฤษรูปแบบหนึ่งที่ผู้เข้าสอบจะต้องทำข้อสอบ PTE ผ่านทางคอมพิวเตอร์ทั้งหมด โดยจะได้รับผลสอบเร็ว ไม่ต้องรอนาน ทำให้สามารถนำผลสอบไปใช้สมัครเรียนมหาลัย สมัครทำงาน หรือนำไปใช้ยื่นประกอบขอวีซ่าในประเทศอังกฤษ สหรัฐอเมริกา แคนาดา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และประเทศอื่น ๆ อีกมากมาย ทำให้ในปัจจุบันมีผู้ที่เลือกสอบ PTE มากขึ้น


PTE ต่างจาก IELTS อย่างไร เลือกสอบแบบไหนดี ?

เชื่อว่าคนไทยคงคุ้นเคยกับการสอบ IELTS กันดีอยู่แล้ว แต่อาจจะไม่คุ้นหูกับการสอบ PTE สักเท่าไหร่ ซึ่ง PTE ก็เป็นหนึ่งในรูปแบบการสอบที่สามารถวัดผลทักษะภาษาอังกฤษได้เหมือนกัน แต่ PTE กับ IELTS มีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง มาดูไปพร้อม ๆ กันเลย

ความแตกต่างของรูปแบบการสอบ PTE กับ IELTS

PTE คือ การสอบวัดระดับทักษะภาษาอังกฤษที่ได้รับการยอมรับจากองค์กรต่าง ๆ มากกว่า 3,500 องค์กรทั่วโลก สามารถนำคะแนน PTE ไปใช้ยื่นเรียนต่อต่างประเทศหรือยื่นขอวีซ่าประเภทต่าง ๆ ได้ โดยผลสอบจะมีอายุ 2 ปี

  • ใช้เวลาสอบประมาณ 2 ชั่วโมง
  • ทำข้อสอบผ่านคอมพิวเตอร์ทั้งหมด โดยนำ AI มาใช้เพื่อตรวจข้อสอบได้อย่างแม่นยำ
  • ข้อสอบแบ่งเป็น 3 พาร์ต คือ Speaking & Writing, Reading และ Listening
  • คะแนนเต็ม 90 คะแนน
  • ได้รับผลสอบภายใน 48 ชั่วโมง

ส่วน IELTS คือ การสอบวัดระดับทักษะภาษาอังกฤษที่ได้รับการยอมรับจากองค์กรต่าง ๆ มากกว่า 11,000 องค์กรทั่วโลก สามารถนำคะแนน IELTS ไปใช้ยื่นขอเรียนต่อต่างประเทศหรือยื่นขอวีซ่าประเภทต่าง ๆ ได้ โดยผลสอบจะมีอายุ 2 ปี

  • ใช้เวลาสอบประมาณ 2.45 ชั่วโมง
  • ทำข้อสอบผ่านการเขียนกระดาษหรือคอมพิวเตอร์
  • ข้อสอบแบ่งเป็น 4 พาร์ต คือ Listening, Reading, Writing และ Speaking
  • คะแนนเต็ม 9.0 
  • กรณีเลือกสอบแบบคอมพิวเตอร์จะได้รับผลสอบภายใน 1-5 วัน แต่กรณีเลือกสอบแบบกระดาษจะได้รับผลสอบภายใน 13 วัน

ตารางการเปรียบเทียบคะแนน PTE กับ IELTS

ตารางเปรียบเทียบคะแนน PTE และ IELTS นี้ จะช่วยให้เห็นความแตกต่างระหว่าง 2 การสอบวัดระดับภาษาอังกฤษได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

IELTSPTE (overall)PTE (listening)PTE (reading)PTE (speaking)PTE (writing)
54140434043
5.54543484251
65248544662
6.55857615474
76666686582
7.57574747588
88279788189
8.58885848690

ความแตกต่างที่สำคัญระหว่างการสอบ PTE และ IELTS คือระดับความละเอียดของคะแนนสอบ ดังนี้

  • PTE ให้คะแนนแบบละเอียดเป็นช่วงคะแนนที่เพิ่มขึ้นทีละจุด ทำให้ผู้สอบสามารถวิเคราะห์ผลการสอบได้อย่างเจาะจง 
  • IELTS ให้คะแนนในระดับที่กว้างขึ้นอาจเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการทราบผลคะแนนโดยรวมมากกว่า

การสอบ PTE เหมาะกับใครบ้าง

การสอบวัดระดับภาษาอังกฤษ PTE เหมาะกับผู้ที่ต้องการเรียนต่อต่างประเทศ ผู้ที่ต้องการทำงานต่างประเทศ ผู้ที่ต้องการย้ายถิ่นฐานไปอยู่อาศัยในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก หรือผู้ที่ต้องการนำผลสอบไปเป็นส่วนประกอบขอสัญชาติในบางประเทศ โดยสามารถนำผลสอบ PTE ไปสมัครทุนเรียนต่อต่างประเทศ หรือนำไปยื่นขอวีซ่าประเภทต่าง ๆ ได้


PTE มีกี่ประเภท แต่ละประเภทเหมาะกับผู้สอบกลุ่มไหนบ้าง

PTE EXAM

การสอบ PTE แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ PTE Academic และ PTE Home ซึ่งแต่ละประเภทก็จะแบ่งออกเป็นระดับย่อยตามจุดประสงค์การใช้งาน ดังนี้

PTE Academic

PTE Academic คือ การสอบวัดระดับภาษาอังกฤษเชิงวิชาการทั้งทักษะการฟัง พูด อ่าน เขียน ผ่านระบบคอมพิวเตอร์ในห้องขนาดเล็กประมาณ 2 ชั่วโมง โดยผู้เข้าสอบจะต้องมีอายุ 16 ปีขึ้นไป ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้

  • PTE Academic: การสอบวัดความสามารถทางภาษาอังกฤษแบบออนไลน์ครบทุกทักษะ (พูด ฟัง อ่าน เขียน) ใช้เวลา 2 ชั่วโมง เหมาะสำหรับผู้ต้องการยื่นวีซ่านักเรียน ผลสอบที่ได้เป็นที่ยอมรับจาก มหาวิทยาลัยชั้นนำทั่วโลกกว่า 1,000 แห่ง เช่น Harvard Business School, INSEAD และ Yale
  • PTE Academic UKVI หรือ Secure English Language Test คือการสอบ PTE ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับผู้ยื่นวีซ่าไปยังสหราชอาณาจักร เพื่อวัตถุประสงค์ด้านการทำงาน การเรียน หรือการอยู่อาศัยในประเทศอังกฤษ

PTE Home

PTE Home คือ การสอบวัดระดับภาษาอังกฤษผ่านระบบคอมพิวเตอร์ในห้องสอบขนาด 15 คน การสอบ PTE Home จะมุ่งเน้นไปที่ทักษะการพูดและการฟังโดยแบ่งการสอบย่อยอีก 3 ระดับ ดังนี้

  • PTE Home A1: เป็นการสอบเพื่อยื่นขอวีซ่าคู่สมรส วีซ่าครอบครัว วีซ่าธุรกิจ ใช้วัดทักษะการพูดและฟังระดับเบื้องต้น
  • PTE Home A2: เป็นการสอบเพื่อต่อวีซ่าคู่สมรสหรือวีซ่าครอบครัว ใช้วัดทักษะการพูดและฟังระดับเบื้องต้นที่สูงกว่าระดับ A1 เล็กน้อย
  • PTE Home B1: เป็นการสอบเพื่อยื่นขอวีซ่าตั้งถิ่นฐานหรือขอสัญชาติสหราชอาณาจักร UK

PTE ใช้ประโยชน์ด้านไหนได้บ้าง

ในปัจจุบันมีการสอบวัดระดับภาษาอังกฤษมากมาย ไม่ว่าจะเป็น TOEIC, TOEFL, IELTS หรือ PTE ซึ่งการสอบแต่ละรูปแบบก็จะถูกนำไปใช้เป็นเกณฑ์เข้าเรียนในมหาลัย หรือประกอบการพิจารณาอนุมัติการขอวีซ่าสำหรับใช้ชีวิตในต่างแดน ซึ่งในส่วนของ PTE Test สามารถนำไปใช้ยื่นเรื่องดังต่อไปนี้ได้

  • สมัครเรียนต่อปริญญาตรีและปริญญาโทในต่างประเทศ เช่น สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา แคนาดา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และประเทศอื่น ๆ อีกมากมาย
  • สมัครงานในบริษัทต่าง ๆ ที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก
  • ยื่นขอย้ายถิ่นฐานในบางประเทศ เช่น แคนาดา ออสเตรเลีย เป็นต้น
  • ยื่นขอสัญชาติในบางประเทศ เช่น อังกฤษ ไอร์แลนด์ เวลส์ นิวซีแลนด์ และออสเตรเลีย เป็นต้น 
  • ยื่นขอวีซ่าของโครงการ Work and Holiday ในประเทศออสเตรเลีย

การสอบ PTE มีอะไรบ้าง

ในที่สุดก็มาถึงส่วนที่หลาย ๆ คนอยากรู้ ซึ่งก็คือ เนื้อหาข้อสอบ PTE ว่ามีอะไรบ้าง เพื่อที่จะได้วางแพลนทบทวนเนื้อหาให้ถูกจุด ตรงกับประเภทข้อสอบ โดยเนื้อหาข้อสอบ PTE จะแบ่งเป็น 3 ส่วน ดังนี้

การพูดและการเขียน (Speaking and Writing)

การพูดและการเขียน (Speaking and Writing) ใช้เวลาสอบทั้งหมด 54-67 นาที ประกอบไปด้วยคำถามที่แตกต่างกัน 7 รูปแบบ โดยจะเป็นพาร์ตที่ทดสอบทักษะการพูดและการเขียนภาษาอังกฤษที่คุ้นเคยจากการเรียนรู้

  1. Personal Introduction แนะนำตัวเองในเวลา 1 นาที
  2. Read Aloud อ่านข้อความที่ปรากฏบนหน้าจอออกเสียง 
  3. Repeat Sentence ฟังประโยคที่เล่นจากเสียงและต้องพูดซ้ำทันที 
  4. Describe Image อธิบายภาพที่แสดงให้เห็น 
  5. Re-tell Lecture เล่าเรื่องจากการบรรยายที่ฟัง
  6. Answer Short Questions ตอบคำถามสั้น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาที่ได้ยินหรืออ่าน
  7. Summarize Written Text สรุปข้อความที่อ่าน โดยจะมีเวลาจำกัดในการเขียนสรุป
  8. Write Essay เขียนเรียงความตามหัวข้อที่กำหนด 

การอ่าน (Reading)

การอ่าน (Reading) ใช้เวลาสอบทั้งหมด 29-30 นาที ประกอบไปด้วยคำถามที่แตกต่างกัน 5 รูปแบบ ซึ่งจะเป็นพาร์ตการสอบแบบบูรณาการ โดยบางส่วนจะมีการรวมทักษะการเขียนเข้าไปด้วย เช่น Reading & Writing: Fill in the Blanks

  1. Multiple Choices (เลือกคำตอบหลายคำตอบ) เลือกคำตอบที่ถูกต้องมากกว่า 1 ข้อจากตัวเลือกที่ให้มา
  2. Fill in the Blanks มี 2 ประเภท ได้แก่ การเติมคำในประโยคที่ขาดหายไป ซึ่งอาจจะมีการเติมคำในทั้ง Reading และ Writing
  3. Multiple Choices (เลือกคำตอบเดียว) เลือกคำตอบที่ถูกต้องเพียง 1 ข้อจากตัวเลือกที่มี
  4. Re-order Paragraphs เรียงลำดับย่อหน้าต่าง ๆ ให้ถูกต้องตามลำดับที่เหมาะสม

การฟัง (Listening)

การฟัง (Listening) ใช้เวลาสอบทั้งหมด 30-43 นาที ประกอบไปด้วยคำถามที่แตกต่างกัน 8 รูปแบบ คำถามในพาร์ตนี้จะอยู่ในคลิปเสียงหรือคลิปวิดีโอที่ถูกเล่นโดยอัตโนมัติ โดยสามารถฟังเสียงได้แค่ครั้งเดียวแต่สามารถจดโน้ตได้

  1. Fill in the blanks เติมคำในช่องว่างของบทสนทนาตามที่ได้ยินจากการบันทึกเสียง
  2. Highlight correct summary ผู้สอบจะได้ฟังเสียงบันทึก และต้องเลือกข้อความสรุปที่ตรงกับเนื้อหาในเสียงบันทึกมากที่สุด
  3. Highlight Incorrect words ผู้สอบฟังการบันทึกเสียงขณะอ่านบันทึกการสนทนา โดยจะต้องระบุและคลิกที่คำในบันทึกการสนทนาที่ไม่ตรงกับสิ่งที่พูดในเสียง
  4. Multiple choices ผู้สอบจะได้ฟังเสียงบันทึก และต้องเลือกคำตอบที่ถูกต้องมากกว่า 1 ข้อ จากตัวเลือกที่ให้มา
  5. Select missing word เลือกคำที่จะทำให้ประโยคสมบูรณ์จากตัวเลือกต่าง ๆ มากมาย
  6. Summarize spoken text เขียนสรุปข้อความที่พูดที่ได้ยิน โดยปกติจะมีความยาว 50-70 คำ
  7. Write from dictation ฟังประโยคแล้วเขียนลงบนกระดาษให้ถูกต้อง

PTE มีวิธีสมัครสอบอย่างไร

วิธีสมัครสอบ PTE เพื่อวัดทักษะภาษาอังกฤษนั้นก็ง่ายมาก และยังสามารถสมัคร PTE ในช่วงเวลาที่สะดวก ดังนี้

  1. เข้าไปที่เว็บไซต์ https://www.pearsonpte.com/ หรือเสิร์ช Google คำว่า Pearson PTE 
  2. กรอกข้อมูลเพื่อลงทะเบียนสร้างบัญชีผู้ใช้ให้ครบ
  3. เลือกศูนย์สอบ วันและเวลาที่ต้องการสอบ
  4. ชำระค่าสมัครสอบ
  5. เตรียมเอกสารให้พร้อมใช้ในวันเข้าสอบจริง

PTE มีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่

ค่าสอบ PTE แตกต่างกันตามประเทศที่สอบและประเภทการสอบ ดังนี้

  • PTE Academic ค่าสอบ : 209$ หรือประมาณ 7,200 บาท
  • PTE Academic UKVI ค่าสอบ : 210$ หรือประมาณ 7,200 บาท
  • PTE Home A1 ค่าสอบ : 175$ หรือประมาณ 6,000 บาท
  • PTE Home A2 ค่าสอบ : 175$ หรือประมาณ 6,000 บาท
  • PTE Home B1 ค่าสอบ : 175$ หรือประมาณ 6,000 บาท

*หมายเหตุ สอบ PTE ราคาจะต่างกันตามเรทเงินที่จ่ายในวันสมัครสอบ 


PTE ใช้ยื่นมหาวิทยาลัยไหนได้บ้าง

สอบ PTE

PTE เป็นการสอบวัดระดับภาษาอังกฤษที่มหาลัยชั้นนำกว่า 3,500 แห่งทั่วโลกรองรับ เช่น

  • ประเทศอังกฤษ : King College London, Lancaster university, Aston University
  • ประเทศสหรัฐอเมริกา : Harvard University, Yale University, University of Southern California
  • ประเทศนิวซีแลนด์ : University of Auckland, University of Otago, Massey University
  • ประเทศออสเตรเลีย : University of Melbourne, University of Sydney, Australian National University
  • ประเทศแคนาดา : University of Toronto, University of British Columbia, University of Waterloo

ในประเทศไทยเองก็มีมหาลัยที่รับคะแนน PTE เช่น วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล (MUIC), วิทยาลัยดุสิตธานี มหาลัยกรุงเทพหลักสูตรนานาชาติและมหาลัยอื่น ๆ อีกมากมาย 

ถ้าอยากเข้าเรียนต่อในมหาลัยที่ใช้ผลสอบ PTE แต่กังวลว่าตัวเองมีพื้นฐานภาษาอังกฤษไม่แน่น ทำข้อสอบไม่ได้ ก็อาจจะหาเวลาอ่านหนังสือหรือลงคอร์สเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มเติม เพื่อปูพื้นฐานใหม่ให้พร้อมทำคะแนนสอบตามที่ตั้งเป้าไว้ได้


เสริมความรู้ พร้อมลุยทุกสนามสอบ พิชิตคะแนนสูงสุดกับสถาบันสอนภาษา Englishparks

หากต้องการเตรียมความพร้อมก่อนสอบ PTEหรือ, IELTS หรือการสอบวัดระดับภาษาอื่น ๆ เพื่อให้ได้คะแนนดีตามที่ตั้งเป้าไว้ แต่กังวลว่าตัวเองไม่มีพื้นฐานภาษาอังกฤษแล้วจะทำข้อสอบไม่ได้ ก็สามารถลงเรียนภาษาอังกฤษกับสถาบันสอนภาษา Englishparks ที่พร้อมปูพื้นฐานภาษาอังกฤษตั้งแต่นับหนึ่งไปจนถึงขั้นสามารถใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่ว สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สำหรับผู้ที่มีพื้นฐานอยู่แล้ว แต่ต้องการติวสอบ PTE หรือ IELTS เพื่อเน้นทำคะแนนอย่างตรงจุด ได้คะแนนตามที่ตั้งไว้ สามารถลงคอร์สเรียน IELTS ที่สามารถนำไปปรับใช้กับการสอบ PTE ได้ โดยอาจารย์ผู้สอนจะสอนเคล็ดลับในการทำคะแนนทั้ง 4 ทักษะ ทั้งการฟัง พูด อ่าน เขียน มีการจับเวลาจำลองสถานการณ์สอบ และให้คำแนะนำเพื่อนำไปปรับใช้ในการสอบ ทำให้ผู้เรียนกับ Englishparks สามารถทำข้อสอบวัดระดับภาษาอังกฤษได้อย่างไม่ต้องกังวล 


สรุป PTE คือ การสอบวัดระดับภาษาอังกฤษที่ทุกคนสามารถทำได้หากหมั่นฝึกฝนทบทวน

สอบ PTE คือ การสอบวัดระดับภาษาอังกฤษทั้ง 4 ทักษะการฟัง พูด อ่าน และเขียนผ่านคอมพิวเตอร์ เพื่อนำคะแนนไปยื่นเรียนต่อระดับปริญญาในต่างประเทศ หรือขอวีซ่าไปยังประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก ถ้าหากทำคะแนน PTE ได้ดีก็จะมีโอกาสเดินเรื่องผ่านง่ายขึ้น ดังนั้น จึงควรหมั่นทบทวนและฝึกภาษาอังกฤษเป็นประจำเพื่อสร้างความคุ้นเคยก่อนทำข้อสอบ

แต่การทำคะแนนบางพาร์ตให้ดีอาจเป็นเรื่องยากสำหรับหลาย ๆ คน โดยเฉพาะ Speaking หรือ Writing ที่ไม่ค่อยมีโอกาสได้ฝึกฝน ซึ่งคุณอาจจะมองหาตัวช่วยฝึกฝนทักษะภาษาอังกฤษทั้ง 4 ด้านโดยเรียนภาษาอังกฤษกับโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษ Englishpark เพื่อปรับพื้นฐานทักษะภาษาอังกฤษให้แน่น และสร้างความคุ้นชินพร้อมลงสนามสอบทำคะแนนสอบ PTE ตามที่ตั้งเป้าไว้ได้อย่างมั่นใจ