โครงการ Work and Holiday เปิดโอกาสชีวิต เก็บประสบการณ์แดนจิงโจ้

Work and Holiday

ครั้งหนึ่งในชีวิตหลาย ๆ คนต้องได้ลองไปหาประสบการณ์และใช้ชีวิตในต่างประเทศดูสักครั้ง ซึ่งในไทยก็มีโครงการไปต่างประเทศมากมาย ไม่ว่าจะเป็นโครงการแลกเปลี่ยน หรือโครงการที่สามารถไปทำงานได้ หนึ่งในนั้นคือโครงการ Work and Holiday ที่จะเปิดโอกาสให้ได้ไปเรียน ทำงาน เที่ยว และใช้ชีวิตในออสเตรเลียได้อย่างถูกกฎหมายภายในระยะเวลา 1 ปี

หลายคนอาจติดภาพจำว่าการไปต่างประเทศผ่านโครงการต่าง ๆ นั้น จะทำได้เพียงในวัยเรียนเท่านั้น แต่ไม่ใช่กับโครงการ WAH เพราะ Work and Holiday สมัครได้ตั้งแต่อายุ 18 ไปจนถึงอายุ 30 ปีบริบูรณ์เลยทีเดียว แปลว่าวัยทำงานก็สามารถไปใช้ชีวิตอยู่ในประเทศออสเตรเลียได้เช่นกัน ถ้าเริ่มสนใจแล้ว อยากรู้รายละเอียดโครงการ Work and Holiday ว่าเป็นอย่างไร ใช้คุณสมบัติอะไรบ้าง เราจะอธิบายแบบละเอียดยิบครบทุกหัวข้อสำคัญ รับรองว่าทั้งเตรียมตัว และเตรียมคุณสมบัติได้พร้อมแน่นอน


โครงการ Work and Holiday คืออะไร ไขข้อข้องใจก่อนเริ่มเตรียมตัว

โครงการ Work and Holiday หรือ WAH คือ โครงการที่เปิดโอกาสให้เยาวชนรวมถึงประชาชนในประเทศที่ร่วมโครงการได้ไปทำงาน หรือศึกษาที่ประเทศออสเตรเลียได้อย่างถูกกฎหมาย เพื่อเป็นการเปิดประสบการณ์ชีวิตใหม่ ๆ ในระยะเวลา 1 ปี โดยเป็นการร่วมมือกันระหว่างรัฐบาลออสเตรเลีย และรัฐบาลไทย

วีซ่าที่ใช้สำหรับโครงการ Work and Holiday นี้ จะเป็นวีซ่าเพื่อท่องเที่ยวและทำงาน (Subclass 462) ซึ่งจะอนุญาตให้เรียนหรือทำงานได้อย่างถูกกฎหมาย แต่เนื่องจากไม่ใช่วีซ่าเรียนหรือทำงานโดยเฉพาะ จึงมีข้อจำกัดว่าสามารถเรียนได้ไม่เกิน 4 เดือน และทำงานได้ไม่เกิน 6 เดือนต่อนายจ้าง 1 คน หมายความว่าเมื่อทำงานครบ 6 เดือนแล้ว จะไม่สามารถทำงานกับนายจ้างคนเดิมได้ แต่สามารถทำงานกับนายจ้างคนอื่นได้อีกไม่เกิน 6 เดือน

เหตุผลที่ Working Holiday Visa คือวีซ่าที่ซึ่งมีการจำกัดระยะเวลาเรียนและทำงานนั้น ก็เพื่อจุดประสงค์ให้ประชาชนสัญชาติไทยได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม และการใช้ชีวิตในต่างแดน ได้มีประสบการณ์ใหม่ ๆ จึงเป็นที่มาของชื่อโครงการ Work & Holiday นั่นเอง

ดังนั้นหากใครที่อยากลองไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศโดยที่สามารถทำงานได้ ยังมีเวลาไปเที่ยว หรือชื่นชอบภาษา โครงการนี้ก็น่าสนใจเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากได้ฝึกภาษาด้วยการคุยกับฝรั่ง ซึ่งเป็นเจ้าของภาษาโดยตรงแล้ว ยังได้ไปเรียนรู้วัฒนธรรมสิ่งใหม่ ๆ เป็นประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิต ซึ่งการสมัครไม่ซับซ้อนอีกด้วย โดยการสมัครโครงการ Work and Holiday จะมีกำหนดการอยู่ในช่วงเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม ของทุกปี

Work and Holiday มีกี่โครงการ

โครงการ Work and Holiday นั้น มีเพียงโครงการเดียวนั่นคือ Work and Holiday Australia แต่ในส่วนของประเทศนิวซีแลนด์จะเรียกว่า Working Holiday Scheme ซึ่งเป็นคนละส่วนกัน แม้รูปแบบโครงการจะเหมือนกัน แต่ไม่สามารถสมัครทั้งสองโครงการพร้อมกันได้ สามารถเลือกสมัครได้เพียงโครงการเดียวเท่านั้น ซึ่งในบทความนี้เราจะเน้นไปที่คุณสมบัติ และการสมัครโครงการ Work and Holiday ประเทศออสเตรเลีย


คุณสมบัติผู้สมัครโครงการ Work and Holiday มีอะไรบ้าง เช็กเลย!

โครงการ Work and Holiday ผู้สมัครต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้

  1. มีสัญชาติไทย
  2. มีอายุระหว่าง 18 ปี – 30 ปี (อายุ 30 ปี ไม่เกิน 31 ปีบริบูรณ์ภายในระยะเวลาที่ยื่นวีซ่า สามารถสมัครได้)
  3. สุขภาพแข็งแรง
  4. จบการศึกษาระดับปริญญาตรี
  5. เดินทางไปคนเดียว ไม่มีบุตรผู้ติดตาม
  6. มีหลักฐานทางการเงินบัญชีออมทรัพย์ของผู้สมัคร จำนวนอย่างน้อย 5,000 AUD (~130,000 บาท)
  7. มีหนังสือรับรองคุณสมบัติซึ่งออกโดยกรมกิจการเด็กและเยาวชน (ดย.)
  8. มีหลักฐานแสดงทักษะทางภาษาอังกฤษ IELTS 4.5 หรือ TOEFL iBT 32 ขึ้นไป

จะเห็นว่าการสมัครโครงการ Work and Holiday นั้นไม่มีค่าใช้จ่าย แต่จะต้องมีหลักฐานทางการเงินในบัญชีออมทรัพย์เป็นจำนวนอย่างน้อย 5,000 AUD ขึ้นไป ทั้งนี้ก็เพื่อแสดงให้เห็นว่ามีเงินพอที่จะสามารถดำรงชีวิตขณะอาศัยอยู่ในประเทศออสเตรเลียได้ นอกจากนี้คุณสมบัติโครงการ Work and Holiday ต้องมี IELTS คะแนน 4.5 ขึ้นไปเพื่อใช้สำหรับยื่นสมัคร ดังนั้นใครที่ยังไม่มีคะแนนก็ไปสอบเตรียมไว้ได้เลย 

หากใครที่กังวลว่าคะแนนจะไม่ถึง ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษนานแล้ว และค่าสอบ IELTS ก็ไม่ใช่น้อย ๆ เลย แนะนำให้เลือกดูโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษที่มีคอร์สสอน IELTS เพื่อเน้นเรียนสำหรับการสอบโดยเฉพาะในกรณีที่มีเวลาจำกัด เชื่อว่าการเตรียมตัวสอบนั้นไม่ยากเกินความสามารถแน่นอน และคอร์สเรียนที่ดีก็จะช่วยดึงศักยภาพของเราออกมาให้ได้มากที่สุดด้วย

รู้จักกับ IELTS คืออะไร เพื่อเตรียมตัวให้พร้อมก่อนสอบ IELTS ใช้คะแนนไป Work & Holiday!


เอกสารที่ต้องใช้ในการยื่นสมัครโครงการ Work and Holiday เตรียมให้พร้อมก่อนสมัคร

เอกสารที่ต้องเตรียมสำหรับการสมัครโครงการ Work and Holiday มีดังนี้ โดยควรเตรียมทั้งฉบับจริง และสำเนาอย่างละ 1 ชุด

  • ใบสมัคร (พิมพ์จากระบบรับสมัครทางออนไลน์)
  • ใบรับรองการจบการศึกษา
  • ใบ Transcript
  • หนังสือเดินทาง (Passport) โดยต้องมีอายุมากกว่า 6 เดือน
  • หลักฐานแสดงทักษะทางภาษาอังกฤษ
  • สำเนาทะเบียนบ้าน
  • แผนการเดินทาง หรือแผนการทำงาน (Statement of Purpose)
  • บันทึกข้อตกลงที่ลงลายมือชื่อของผู้ปกครอง
  • สำเนาทะเบียนบ้านและสำเนาบัตรประชาชนของผู้ปกครอง
  • หลักฐานทางการเงิน (Bank Statement) โดยชื่อบัญชีจะต้องตรงกับชื่อในพาสปอร์ตของผู้เดินทาง

ซึ่งการ Sponsor ทางด้านการเงินทั้งจากตัวเองและโดยผู้อื่น จะมีรายละเอียดดังนี้

กรณี Sponsor ตัวเอง

  • หลักฐานแสดงทางการเงินบัญชีออมทรัพย์ 5,000 AUD พร้อม Bank Statement ย้อนหลัง 6 เดือน
  • จดหมายชี้แจงที่มาของเงิน หากมียอดเงินเข้ามาน้อยกว่า 6 เดือน

กรณี Sponsor โดยผู้อื่น

  • จดหมายรับรองค่าใช้จ่ายเป็นภาษาอังกฤษ พร้อมลงลายมือชื่อรับรอง
  • สำเนาบัตรประชาชน/พาสปอร์ตของผู้ Sponsor
  • หลักฐานแสดงความสัมพันธ์ Sponsor และผู้สมัคร เช่น สำเนาทะเบียนบ้านพร้อมฉบับแปลเป็นภาษาอังกฤษ
  • หลักฐานแสดงทางการเงินของผู้ Sponsor พร้อม Bank Statement ย้อนหลัง 6 เดือน
  • จดหมายชี้แจงที่มาของเงิน หากมียอดเงินเข้ามาน้อยกว่า 6 เดือน

ขั้นตอนการสมัครโครงการ Work and Holiday ต้องทำอะไรบ้าง

การสมัครโครงการ Work and Holiday จะใช้เป็นการกดโควตา ดังนั้นจะต้องมีการขอ Username และ Password เพื่อใช้ในการกด โดยรายละเอียดขั้นตอนจะมีดังนี้

  • ขั้นตอนที่ 1 ขอ Username และ Password มีข้อมูลที่ต้องเตรียม ได้แก่
    • ไฟล์รูปถ่ายหน้าตรงสุภาพ ถ่ายไม่เกินระยะเวลา 3 เดือน ขนาดไฟล์ 200×265 พิกเซล
    • เลขบัตรประจำตัวประชาชน
    • ชื่อ-นามสกุล ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ โดยคำนำหน้าและตัวสะกดต้องตรงกับหนังสือเดินทาง
    • E-mail ตรวจสอบความถูกต้องของอีเมลให้เรียบร้อย
  • ขั้นตอนที่ 2 รอบทดสอบระบบ สำหรับผู้ที่ได้รับ Username และ Password
  • ขั้นตอนที่ 3 กดโควตา มีข้อมูลที่ต้องเตรียม ได้แก่
    • เลขบัตรประจำตัวประชาชน
    • ชื่อ-นามสกุล ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ โดยคำนำหน้าและตัวสะกดต้องตรงกับหนังสือเดินทาง
    • วัน/เดือน/ปีเกิด
    • ที่อยู่ตามบัตรประชาชน
    • ที่อยู่ที่สามารถติดต่อได้สะดวก พร้อมเบอร์โทรศัพท์และ E-mail
    • ระดับการศึกษา
    • หลักฐานแสดงทักษะทางภาษาอังกฤษ
    • ข้อมูลผู้ติดต่อในกรณีฉุกเฉิน
  • ขั้นตอนที่ 4 ประกาศผลผู้ได้เข้าร่วมโครงการ
  • ขั้นตอนที่ 5 ส่งเอกสารที่ต้องใช้ในการยื่นให้กับทางกรมกิจการเด็กและเยาวชน (ดย.) ผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์
  • ขั้นตอนที่ 6 ดย. ส่งจดหมายรับรองจากรัฐบาล (Letter of Government Support) ให้กับผู้ที่ผ่านการเช็กเอกสาร เพื่อใช้สำหรับยื่นวีซ่า
  • ขั้นตอนที่ 7 สร้าง ImmiAccount และชำระค่าวีซ่าก่อนยื่นวีซ่า
  • ขั้นตอนที่ 8 นำเอกสารที่ต้องใช้ พร้อม Letter of Government Support ไปยื่นขอวีซ่า Work and Holiday Australia
    • หากวีซ่าผ่านจึงจะสามารถเดินทางไปออสเตรเลียด้วยวีซ่าโครงการ Work and Holiday ได้

โครงการ Work and Holiday ข้อดีของการสมัคร 

วีซ่า WAH คือ

โครงการ Work and Holiday นั้น ข้อดีอย่างแรกเลยคือสามารถพำนักอาศัยในประเทศออสเตรเลียได้ถึง 1 ปี โดยสามารถทำงานหรือเรียนได้อย่างถูกกฎหมาย และไม่เพียงเท่านั้นยังสามารถต่อวีซ่าได้หากมีคุณสมบัติที่กำหนด โดยต่อวีซ่า Work and Holiday ได้สูงสุด 3 ปี จึงเหมาะเป็นอย่างมากสำหรับใครที่ต้องการเปิดประสบการณ์ และหาโอกาสในการทำงานที่จะต่อยอดไปอีกได้

นอกจากนี้แล้ว สำหรับใครที่ต้องการฝึกพูดภาษาอังกฤษ อยากพูดได้คล่องเหมือนเจ้าของภาษา การไปต่างประเทศก็จะตอบโจทย์ที่สุด ด้วยสิ่งแวดล้อมรอบตัวที่ใช้ภาษาอังกฤษ รวมถึงการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกับทั้งคนพื้นที่ และคนจากชาติอื่น ๆ ที่มาออสเตรเลีย ทั้งนี้ยังสามารถลงเรียนคอร์สที่สนใจได้ เรียกได้ว่าโครงการนี้ได้ประโยชน์ครบทั้งเรื่องเรียน ภาษา การทำงานและวัฒนธรรมเลยทีเดียว


สิ่งที่ควรรู้สำหรับโครงการ Work and Holiday รู้ไว้ไม่มีพลาด!

  • การสมัครโครงการ Work and Holiday สามารถสมัครได้ด้วยตนเอง ไม่จำเป็นและไม่ควรจ้างเอเจนซี่ เนื่องจากผิดวัตถุประสงค์ของโครงการ และยังอาจทำให้โอกาสที่จะผ่านวีซ่าน้อยลง และโอกาสที่จะพบมิจฉาชีพ
  • การกดโควตาได้และผ่านการเช็กเอกสารจนได้รับ Letter of Government Support เป็นคนละส่วนกับการพิจารณาวีซ่าของสถานทูตออสเตรเลีย ดังนั้นควรเตรียมเอกสารที่สำคัญให้พร้อม
  • ไม่ควรกรอกข้อมูลเท็จ เพราะมีความเสี่ยงที่จะโดนตัดสิทธิ์สูง

เตรียมความพร้อมโครงการ Work and Holiday กับสถาบันสอนภาษา Englishparks

Work and Holiday สมัคร

การเตรียมความพร้อมในการสมัครโครงการ Work and Holiday โดยหลัก ๆ คือเอกสารต้องครบ มีหลักฐานทางการเงินตามที่กำหนด และเอกสารชี้แจงเกี่ยวกับการเงินในกรณีที่มีผู้ Sponsor หรือมียอดเงินเข้ามาไม่ถึง 6 เดือน และสิ่งที่สำคัญอีกหนึ่งอย่าง นั่นคือ “คะแนนภาษาอังกฤษ” ที่ไม่ว่าอย่างไรก็ขาดไม่ได้ โดยส่วนใหญ่คนที่ยื่นสมัครโครงการนี้มักจะใช้คะแนน IELTS ในการยื่น ซึ่งทางโครงการกำหนดคะแนน Over 4.5  ถึงแม้จะดูเหมือนไม่มาก แต่อาจมีหลายคนที่เพิ่งมาทำความรู้จักกับโครงการ Work and Holiday และยังไม่เคยสอบ IELTS ทำให้อาจมีช่วงเวลาที่กระชั้นชิด

ดังนั้นในการเตรียมพร้อมเรื่องคะแนนภาษาอังกฤษ สำหรับใครที่ไม่ค่อยมีเวลา หรือมีพื้นฐานภาษาอังกฤษไม่มาก แต่ต้องการเตรียมสอบ การเรียน IELTS ก็เป็นตัวเลือกที่ดีในการเตรียมตัว ซึ่งคอร์ส IELTS ของสถาบันสอนภาษาอังกฤษ Englishparks ได้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในการสอบ IELTS โดยเฉพาะ ครอบคลุมทุกพาร์ทของการสอบไม่ว่าจะเป็น Writing, Speaking และ Reading โดยทางสถาบันจะรวบรวมเทคนิคที่เกี่ยวข้องกับการสอบ รวมถึงข้อสอบเก่าที่จะช่วยพัฒนาในเรื่องของการฝึกทำโจทย์อย่างรวดเร็วภายในระยะเวลา 60 ชั่วโมง

ไม่เพียงแค่ใช้เทคนิคเพื่อการสอบเพียงเท่านั้น สถาบัน Englishparks ยังเป็นมากกว่านั้นด้วยการมุ่งเน้นทักษะภาษาไปพร้อมกับการเขียน ด้วยการให้ Feedback การ Writing อย่างละเอียด สามารถส่งให้อาจารย์ตรวจสอบได้ไม่จำกัด และทักษะการพูดด้วยการทดสอบแบบ 1 ต่อ 1 จึงมั่นใจได้ว่าจะสามารถพัฒนาผู้เรียนต่อคนได้อย่างตรงจุด แนะนำสำหรับใครที่ต้องการเรียนภาษาอังกฤษไปสอบ IELTS และยังได้ทักษะภาษาทั้งในด้านพูด อ่าน เขียนมาพร้อมกันด้วย


คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับ Work and Holiday

1. Work and Holiday ทำงานอะไรได้บ้าง?

ภายใต้วีซ่า Work and Holiday สามารถทำงานอะไรก็ได้ ทั้งงานบริการ, งานร้านอาหาร, งานฟาร์ม หรืองานออฟฟิศก็สามารถทำได้เช่นกัน แต่เงื่อนไขคือห้ามทำงานกับนายจ้างเดิมเกิน 6 เดือน เนื่องจากไม่ใช่วีซ่าสำหรับทำงาน

2. ค่าสมัครวีซ่า Work and Holiday เท่าไร?

ค่าสมัครในการยื่นวีซ่า Work and Holiday อยู่ที่ 510 AUD (~ 11,700 บาท)

3. ต้องยื่นขอวีซ่า Work and Holiday ตอนไหน?

การยื่นวีซ่า จะยื่นหลังจากที่กดโควตาได้ และได้รับ Letter of Government Support จากทางกรมกิจการเด็กและเยาวชน (ดย.) หลังจากผ่านการเช็กเอกสารแล้วเท่านั้น

4. ไม่มี Letter of Government Support ยื่นขอวีซ่า Work and Holiday ได้ไหม?

หากไม่มี Letter of Government Support จะไม่สามารถยื่นขอวีซ่า Work and Holiday ได้ทุกกรณี


สรุป Work and Holiday เรียน เที่ยว ทำงาน ได้ประสบการณ์ชีวิตสุดคุ้ม

โครงการ Work and Holiday เป็นโครงการที่เปิดโอกาสให้บุคคลสัญชาติไทย ได้ไปแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ทำงาน รวมถึงเรียนในสิ่งที่สนใจได้ในระยะเวลา 1 ปี โดยการยื่นสมัครนั้นจะต้องเตรียมเอกสารให้พร้อม และต้องกดโควตาให้ทันเพื่อยื่นเอกสารที่กำหนดต่าง ๆ ซึ่งหนึ่งในคุณสมบัติสำคัญที่ต้องมีในการสมัครโครงการ Work and Holiday นั่นคือ ต้องมีคะแนน IELTS เพื่อยื่นแสดงหลักฐานทักษะทางภาษาอังกฤษ

การสอบ IELTS นั้น เป็นการสอบที่จะวัดทักษะทั้งด้าน Speaking, Writing และ Reading และมีค่าสอบที่สูงกว่าการสอบภาษาอังกฤษอื่น ๆ จึงต้องมีการเตรียมตัวอย่างดีเพื่อให้คะแนนออกมาน่าพึงพอใจ หรือถ้าหากจะซื้อคอร์สเรียนสำหรับการเตรียมสอบโดยเฉพาะ ก็ควรเลือกที่สามารถพัฒนาทั้งทักษะ และนำไปต่อยอดได้ อย่างคอร์สเรียนภาษาอังกฤษ เพื่อการสอบ IELTS ของสถาบัน Englishparks ที่จะพัฒนาผู้เรียนตัวต่อตัว พร้อมเทคนิคในการสอบเพื่อให้ได้คะแนนตามที่ต้องการ และยังชี้จุดแข็งจุดอ่อนเพื่อพัฒนาให้สามารถนำไปใช้ในการสอบ และปรับใช้ในชีวิตจริงได้อีกด้วย